สสส. เผย โควิด ทำเด็กจบใหม่ ว่างงาน 1.3 ล้าน ดันโปรเจ็กต์ให้ทุน 100 โครงการ

สสส. เผย โควิด ทำเด็กจบใหม่ ว่างงาน 1.3 ล้าน ดันโปรเจ็กต์ให้ทุน 100 โครงการ มากสุดหลักแสน

เว็บไซต์ สสส. เผยข่าว นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการสำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากวิกฤตโควิด-19 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF Thailand) ปี 2563 พบว่า

ประชาชนกลุ่มอายุ 15-24 ปี โดยเฉพาะนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ มีแนวโน้มที่จะว่างงานคิดเป็น ร้อยละ 14 หรือกว่า 1.3 ล้านคน เนื่องจากภาคเอกชนชะลอการจ้างงาน จึงทำให้ลดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพหรือทักษะในการประกอบอาชีพจากการไม่ได้เข้าสู่ระบบการจ้างงาน ด้านวัยทำงานที่เป็นคนว่างงาน ร้อยละ 17.9 หรือกว่า 6 ล้านคน

ด้วยสถานะของแรงงานในระบบทำให้แรงงานส่วนใหญ่ กลายเป็นบุคคลที่มีทักษะเชิงเดี่ยวไม่สามารถปรับตัวเพื่อประกอบอาชีพอื่นได้ในทันที จากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงมีแนวโน้มที่จะมีคนว่างงานและคนที่มีรายได้น้อยลงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่ดีลดลง เพราะขาดรายได้ ขาดความรู้ในการพัฒนาศักยภาพตัวเอง และแรงงานทั้งในและนอกระบบส่วนมากยังไม่มีแผนการออม ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่ายในยามฉุกเฉินอีกด้วย

นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

สสส. ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงเริ่มโครงการ ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะ โดยมีเป้าหมายสนับสนุนทุนให้ประชาชนที่สนใจ 100 โครงการ (โครงการละ 50,000-100,000 บาท) ภายใต้ประเด็นการทำงาน 3 ด้าน คือ

1. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมายให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และทักษะด้านการเงิน เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตวิถีใหม่ในสังคม เพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนค่าใช้จ่ายและการออม การลงทุน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมใช้พลังกลุ่มแก้ปัญหา เพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเอง

2. ส่งเสริมให้คนในชุมชนพัฒนาแหล่งอาหาร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร

3. ส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอาชีพ-รายได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ เกิดกิจกรรมสุขอนามัยในย่านชุมชน เช่น ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และพื้นที่ควบคุมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อีก 14 จังหวัด โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนมกราคม 2565

“สสส. หวังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการอยู่รอด มุ่งสานพลังระดับพื้นที่ ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเสนอโครงการเข้ามาขอสนับสนุนทุน ผ่านหน่วยจัดการ 5 หน่วยจัดการครอบคลุมทุกภูมิภาค ขณะนี้มีประชาชนสนใจเสนอโครงการแล้วกว่า 100 โครงการ ซึ่ง สสส. จะพิจารณากลั่นกรองโครงการที่มีคุณสมบัติและความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามและติดตามได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ สร้างสรรค์โอกาส ” ผอ.สสส. กล่าว