เผยแพร่ |
---|
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ เศรษฐกิจไทยปี 64 ผ่านพ้นช่วงลำบากสุดแล้ว แต่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในด้านรายได้หรือยอดขายธุรกิจหลักต่างๆ ของไทยในปี 2564 นั้น ในบางธุรกิจแม้จะฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2563 ตามทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น ยอดขายค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ยอดขายรถยนต์ การใช้จ่ายด้านโรงแรมที่พักและบริการร้านอาหาร ตามความต้องการของผู้บริโภค แต่การฟื้นตัวยังเป็นอัตราที่น้อย ขนาดหรือระดับก็จะยังไม่กลับไปเท่ากับ ณ ปี 2562 เพราะกำลังซื้อของชนชั้นกลางลงล่างยังเปราะบางอยู่มากจากความเสี่ยงด้านรายได้และการมีงานทำ

นอกจากนี้ ในบางธุรกิจยังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากจากยอดขายที่อาจลดลงไปอีกในปี 2564 ได้แก่ ธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งรายได้การท่องเที่ยว ที่การเดินทางระหว่างประเทศยังมีข้อจำกัดอยู่มากแม้จะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นก็ตาม นั่นหมายความว่า เส้นทางการฟื้นตัวของแต่ละธุรกิจยังเกิดขึ้นแบบไม่ทั่วถึง
ไม่เพียงโจทย์ด้านกำลังซื้อที่ฉุดยอดขาย การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและวิถีการใช้ชีวิตไปสู่ภาวะปกติใหม่ ที่รวดเร็วและซับซ้อนขึ้น ก็นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในแต่ละธุรกิจที่จำเป็นจะต้องเร่งปรับตัวให้เท่าทัน และหากมองต่อไปในช่วงข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สถานการณ์ด้านต้นทุนที่ไต่ระดับขึ้น อาจจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ภาคธุรกิจจะต้องเตรียมการรับมือเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากต้นทุนการดำเนินการด้านความสะอาดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด ที่เห็นชัดก็คือ
1. ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยในปี 2564 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอาจอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่า 25% เทียบกับเฉลี่ยปี 2563 ที่ 42.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศขยับขึ้นประมาณ 9-10% และมีผลให้ต้นทุนภาคธุรกิจปรับขึ้นอีกราว 0.5% ขณะที่ธุรกิจประมง ขนส่ง ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เหล็ก จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูงกว่าธุรกิจอื่นๆ
2. ต้นทุนทางการเงิน โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรระยะยาวที่เร่งตัวขึ้นสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ตามความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตั้งแต่ต้นปีถึง 12 มีนาคม 2564 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย 10 ปี ปรับขึ้นแล้ว 68 basis points ใกล้เคียงกับการเพิ่มขึ้น 71 basis points ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี
ดังนั้น ธุรกิจที่มีความจำเป็นจะต้องระดมทุนในช่วงข้างหน้า ทั้งเพื่อการจัดการหนี้ที่ครบกำหนดและการจัดเตรียมสภาพคล่องรองรับการดำเนินธุรกิจ คงจะต้องเผชิญสถานการณ์ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นแปรผันตามอันดับความน่าเชื่อถือหรือสถานะด้านเครดิตของแต่ละบริษัท ซึ่งจากหุ้นกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในช่วงที่เหลือของปี 2564 กว่า 7 แสนล้านบาทนั้น หลักๆ แล้วจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาหาร พลังงาน ICT รวมกันมากกว่า 80%
กล่าวโดยสรุป ปี 2564 นี้ จึงนับเป็นอีกปีที่ภาคธุรกิจคงจะต้องเผชิญความท้าทายทั้งด้านรายได้และต้นทุนอยู่อีกไม่น้อยเลย