‘ลูกนายพล’ แถลงหลังอาการดีขึ้น เปิดใจไม่โกรธคนรุมทำร้าย ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย

วันที่ 5 ธันวาคม  เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงพยาบาลลานนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นางปุนยวัจนา  วรรคาวิสันต์ ภริยา พล.ต.วิทยา  วรรคาวิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 จ.น่าน นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์บอนด์ บุตรชาย  น.พ.ราชันย์พัทธ์  วรเวชานนท์  แพทย์ศัลยกรรม เจ้าของไข้เจมส์บอนด์  นายสันติภาพ  อินทรพัฒน์  ทนายความ เปิดแถลงข่าว ถึงอาการบาดเจ็บเจมส์บอนด์ และความคืบหน้าคดีนายกฤษณะ อมิตรสูญ หรือบอลแฟนหนุ่ม อุ้ม ลักขณา ดาราสาวชื่อดัง พร้อมพวก 4 คน ที่รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนตำรวจออกหมายจับ และศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายกฤษณะ พร้อมพวกทั้งหมด โดยมีสื่อมวลชนร่วมทำข่าวจำนวนมาก
น.พ.ราชันย์พัทธ์ กล่าวว่า หลังจากที่น้องเข้ามาทำการรักษา 1 สัปดาห์ เบื้องต้นอาการทางจมูก ยังมีอาการบวม และปวดเล็กน้อย การหายใจเรียบร้อยดี ไม่มีเลือดออก แต่ว่ามีไข้ต่ำ ๆ การประเมินมาจากยาปฏิชีวนะบางตัว อาจทำให้ท้องเสีย วันนี้อาการดีขึ้น จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
“อาการทางจมูก คงใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แต่ห้ามกระทบกระเทือน คาดใช้เวลารักษาอีก 3-4 สัปดาห์ เป็นอย่างน้อยส่วนค่ารักษาพยาบาล เป็นเรื่องทางโรงพยาบาลแจ้งให้ญาติทราบ แต่ได้นัดดูแลผู้ป่วยต่อเนื่อง อาทิ ทำฟัน ฟันบางซี่บิดไป ต้องอุดฟัน พร้อมดูแลเรื่องตา จมูก ส่วนสมอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขณะนี้สายตามองค่อนข้างชัด แต่มีการบวม ช้ำอยู่บ้าง มีเลือดออกตรงเยื่อบุตา โดยนัดผู้ป่วยมาตรวจรักษาอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า” น.พ.ราชันย์พันธ์ กล่าว
นายอภิราชนุวัฒน์ กล่าวว่า ดีใจที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล ส่วนสภาพจิตใจก็ยังมีผวาอยู่บ้าง เวลาตอนนอนหรือตื่นนอนใหม่ ส่วนเรื่องการเข้าห้องน้ำในมาลินสกาย จนถูกทำร้ายร่างกายนั้น ยืนยันตอนแรกเข้าห้องน้ำชาย แต่การ์ดไม่ให้เข้าไป บอกว่ามีดาราชายใช้อยู่ จึงเข้าไปเข้าห้องน้ำหญิงแทน แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด ได้ให้ปากคำพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก หมดแล้วเพราะเกรงเสียรูปคดีดังกล่าว ช่วงนี้ขอพักสักระยะ หลังฝึกงานปีสุดท้ายเสร็จแล้ว ส่วนอาการของตนดีขึ้นบ้าง แต่เวลาลุกนั่งยังขัดยอกอยู่
นายปุนยวัจนา กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุน้องไม่เคยดูข่าวเลย ตอนแรกที่สื่อมาทำข่าวและเขาได้ยิน ทำให้น้องรู้สึกแย่ ขออนุญาตไม่ตอบ ส่วนความคืบหน้าคดี จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ห่วงคดีอะไร ยืนยันไม่ได้ร้องขอให้โอนคดีไปให้กองปราบดูแล เพราะยังไม่ได้ทำอะไร ตำรวจท้องที่ยังเป็นเจ้าของคดีอยู่ เมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม) พนักงานสอบสวนได้มาสอบปากคำบุตรชาย เพิ่มเติมที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากนี้ คิดว่าไม่มีการสอบปากคำเพิ่มอีกแล้ว
“คนสุดท้ายที่มาเยี่ยมน้องเจมส์บอนด์ คือ เพื่อนของ พล.ต.วิทยา ที่เรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ชื่อพี่ลั้ง หลังนำบุตรชายออกจากโรงพยาบาล ต้องกลับมาที่เชียงใหม่ เพราะบ้านอยู่ที่นี่  เหตุที่นำบุตรชายออกโรงพยาบาลก่อน คุณแม่ต้องไปทำภารกิจ ซึ่งต้องไปประชุมที่สโมสรกองทัพบก วันที่7 ธันวาคมนี้ ซึ่งพูดคุยกับ พล.ต.วิทยา บิดาบุตรชายแล้ว ว่า จะดูแลน้องให้ดีไม่ให้ได้รับกระทบกระเทือนจิตใจอีก ส่วนการรักษาเล็กน้อย เช่น ล้างแผล คงไปใช้บริการที่โรงพยาบาลของค่าย มทบ.ที่ 38 จ.น่าน เพราะสะดวกดูแลลูก มากกว่าเดินทางมาที่เชียงใหม่ แต่ยังมาตามนัดหมายของแพทย์ เพื่อรักษาต่อเนื่องอยุ่” นางปุนยวัจนา กล่าว
“หลังเดินทางถึง จ.น่าน จะไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.ภูเพียง จ.น่าน และไปอีกหลายวัด เพราะวัดที่น่าน เป็นวัดเก่าแก่ มีความขลังมาก เพื่อสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่ากรรม ความชั่วร้าย พร้อมเสริมดวงชะตา เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้น อาจบวชสักระยะ เพื่อให้ได้ศึกษาธรรม เป็นกุศลแก่ตนเองและครอบครัว แต่ยังไม่กำหนดว่าเมื่อไร” นางปุณยวัจนา กล่าว
201612051442157-20021028190213-768x512
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฤษณะ ขอมาพบ หรือให้ญาติผู้ใหญ่มาเจรจายอมความ พร้อมชดใช้ค่าทำขวัญหรือค่าเสียหาย จะอนุญาตให้มาพบหรือไม่ นางปุนยวัจนา กล่าวว่า ยืนยันขอใช้เวลาคิด ทบทวน ไตร่ตรอง ปรึกษาครอบครัว และทนายความอย่างรอบคอบก่อน ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ขอทำใจสักนิด ยอมรับว่าเจ็บปวดมาก จนไม่สามารถยอมรับได้ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว
นายสันติภาพกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.วิทยา  นางปุนยวัจนา บิดามารดาผู้เสียหาย เป็นทนายความดูแลคดีดังกล่าว ซึ่งคดีเป็นไปตามขั้นตอนกฏหมาย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กรณีพ่อของอุ้ม ลักขณา ที่เคยมาเยี่ยมผู้เสียหายที่โรงพยาบาล พร้อมจ่ายค่ารักษาพยาบาล จำนวน 130,000 บาทนั้น ในทางคดีมองว่า คนทำผิด แต่มารับผิดชอบ พยายามแก้ไขในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น ซึ่งผู้ต้องหากล้ารับผิดอย่างลูกผู้ชาย อาจบรรเทาความเสียหายได้บ้าง
เบื้องต้นคงต้องปล่อยไปก่อน แต่ขอเวลาปรึกษาหารือกับผู้เสียหาย ว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนในทางคดียังดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมาย เพราะยังไม่ได้มีการเจรจายอมความกันอย่างใด แต่เป็นนิมิตหมายอันดีที่ผู้กระทำผิด แสดงความรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชาย
ที่มา มติชน