เจ้าพ่อ MK ชี้ ทำธุรกิจอย่ามีดีแค่อย่างเดียว จะอยู่รอด ต้องวิวัฒนาการเหมือนยีราฟ

เจ้าพ่อ MK ชี้ ทำธุรกิจอย่ามีดีแค่อย่างเดียว จะอยู่รอด ต้องวิวัฒนาการเหมือนยีราฟ
เจ้าพ่อ MK ชี้ ทำธุรกิจอย่ามีดีแค่อย่างเดียว จะอยู่รอด ต้องวิวัฒนาการเหมือนยีราฟ

เจ้าพ่อ MK ชี้ ทำธุรกิจอย่ามีดีแค่อย่างเดียว จะอยู่รอด ต้องวิวัฒนาการเหมือนยีราฟ

เจ้าพ่อ MK คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองค์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการ เอ็มเคสุกี้ ที่คนไทยรู้จักกันดี ระยะหลังมานี้ มักไม่ออกงานสังคมสักเท่าไหร่ แต่ยามใดที่เขาขึ้นเวที ต้องยอมรับว่ามีหลายคนเงี่ยหูฟัง

“เอ็มเค สาขาแรก เปิดที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว จากการให้โอกาสของคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์  ประธานกรรมการเครือเซ็นทรัล เพราะถ้าให้เริ่มต้นเองคงไม่ทราบว่าจะทำยังไง ฉะนั้นการได้รับโอกาส จากคนที่ให้โอกาสนั้น นับเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจเหมือนกัน” คุณฤทธิ์ บอกกล่าวในงานสัมมนาที่จัดโดยเครือเซ็นทรัล เมื่อไม่นานมานี้

และว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ในวันนี้ ล้วนเริ่มมาจากเล็กๆ ก่อนทั้งนั้น เอสเอ็มอี จึงมีความสำคัญมาก เพียงแต่กว่าจะโตได้ ต้องผ่านเรื่องราวมามากมายก่อน การที่เอสเอ็มอีจะสร้างตัวเองให้มั่นคง การมีแค่มีสินค้าหรือบริการแล้ว จะประสบความสำเร็จเลย แทบจะเป็นไปไม่ได้

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในยุคนี้ นับว่าแตกต่างจากสมัยก่อน ที่การแข่งขันน้อยกว่า โลกหมุนช้ากว่า แต่โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว  คำพูดที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก คงใช้ไม่ได้แล้ว น่าจะเปลี่ยนมาเป็น ปลาเร็วกินปลาช้า

ผู้บริหารสุกี้เอ็มเค บอกต่อว่า ณ ปัจจุบัน สิ่งที่เอสเอ็มอีต้องคิดเป็นอันดับแรก คือ “เช็กลิสต์” หรือรายการตรวจสอบตัวเอง ว่าสินค้าหรือบริการของตัวเองนั้นเป็นแบบไหน มีคาแร็กเตอร์อย่างไร และต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

เอสเอ็มอี ต้องเช็กสุขภาพตัวเองตลอด

สำหรับ “เช็กลิสต์” ในแบบของเจ้าพ่อเอ็มเค ท่านนี้ เริ่มต้นจาก ความแตกต่าง

“ถ้ามีสินค้าหรือบริการแล้ว เรามีความแตกต่างมั้ย บางคนบอกว่า มันต้องดีกว่า ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าดีกว่า อาจยาก ถ้าดีกว่า 10-20 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความหมาย ถ้าดีกว่ากันต้องดีกว่ากันเยอะ เช่นดีกว่า 10 เท่า แต่ถ้าแตกต่างจะได้เปรียบ คือ ไม่มีใครเหมือนเรา ต่างจากคนอื่น มีคนเรียกใช้เราเพราะความแตกต่าง”

นอกจากนี้ยังต้องสำรวจตัวเองด้วยว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้น สามารถทำให้เป็น Digitized (ดิจิไทตซ์”) ได้หรือไม่  เช่น ธุรกิจ หนังสือ วิดีโอ ซีดี ฯลฯ เพราะโลกทุกวันนี้เข้าสู่ดิจิตอลหมดแล้ว แต่ถ้าเรามีสินค้าที่ทำให้เป็น Digitized ไม่ได้ อย่าง ธุรกิอาหาร เสื้อผ้า ก็อาจมองหาช่องทางจำหน่ายทางดิจิตอล เช่น การค้าขายบนอีคอมเมิร์ซ

เจ้าพ่อ MK คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองค์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการ เอ็มเคสุกี้

คุณฤทธิ์ บอกอีกว่า กระแสโลกทุกวันนี้ ให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรที่น้อยลง ฉะนั้นสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอี ไม่ว่าอะไรก็ตาม ต้องคำนึงด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ไม่ทำร้ายธรรมชาติ อิงกับกระแสสุขภาพ รองรับคนมีอายุ ใช้ง่าย เลียนแบบได้ยาก สะดวกที่จะซื้อหาต้องดูมีสไตล์ และสินค้าที่เราชอบนั้นมีคนอื่นชอบด้วยมั้ย

“เอสเอ็มอี ต้องเช็กสุขภาพตัวเองตลอด เหมือนยีราฟ ที่มีวิวัฒนาการ ทั้งคอยาว ปากแข็ง ลิ้นหนา สามารถหาอาหารในที่สูงซึ่งมักมีหนามแหลม  เอสเอ็มอี ก็เช่นเดียวกัน ถ้าจะอยู่รอด  อย่ามีดีแค่อย่างเดียว การจะชนะคนอื่นได้ ต้องมีความสามารถหลายอย่างซ่อนไว้อยู่” ประธานกิจการเอ็มเค บอกอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม สินค้าดี บริการดี บางครั้งก็ไปไม่รอด เพราะไม่มี “ความสามารถ” ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ ก็คือ ความสามารถ ซึ่งต้องเกิดจาก “ขุมสมบัติ” บางอย่าง ของคนที่จะเป็นเอสเอ็มอี

คุณสมบัติสำคัญ 7 ประการ เก่งแล้วต้องเฮง

สำหรับ เอสเอ็มอี ที่มีความสามารถ ในทรรศนะของเจ้าพ่อ MK  นั้น ต้องมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้

หนึ่ง ต้องมี  Strong Dream มีความมุ่งมั่น มีฝัน ที่ไม่เหมือนคนอื่น ฝันที่อยากจะทำอะไรขึ้นมาแล้วอยากจะทำให้มันสำเร็จและไม่กลัวความล้มเหลว ล้มเหลวครั้งหนึ่ง ลุกขึ้นมาใหม่ๆๆ จะทำให้สำเร็จ เพราะฉันอยากทำ เป็นคุณสมบัติสำคัญ แต่หลายคนอาจเป็นแค่ ฉันอยากทำ คุณพ่อ-คุณแม่ให้ทำ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่มีแรงผลักดันพอจะให้เป็น เอสเอ็มอี ได้

สอง ต้องเชื่อมั่นในโค้ช  เพราะการที่ตัวเขาเริ่มต้นจากเอสเอ็มอี แล้วโตขึ้นมาทุกวันนี้ ก็ผ่านการมีโค้ชมาแล้ว ทั้งโค้ชด้านบริหารธุรกิจ โค้ชด้านปรับปรุงคุณภาพ ยิ่งสมัยนี้ยิ่งต้องโค้ช เพราะทุกอย่างมันเร็ว ไม่มีเวลามาลองคิดลองทำ ด้วยตัวเอง มันไม่ทันกิน นักกีฬาได้เหรียญทอง มีโค้ชทั้งนั้น เพราะโค้ชจะช่วยสอนอย่างเป็นวิธี

สาม มีพื้นฐานธุรกิจที่ถูกต้อง มีโครงสร้างที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การบัญชี การตลาด การผลิตที่ทันสมัยมาตรฐานโลก การดูแลลูกน้อง ไอที คอมพิวเตอร์ ต้องมีให้ครบถ้วน ยิ่งธุรกิจขนาดเล็กจะต้องมีทั้งหมด คนๆ เดียวต้องรู้ทุกกระบวนการ เอสเอ็มอี ถึงเป็นกันยาก เพราะคนๆ เดียวต้องรู้ทุกอย่าง

สี่ มีความอดทน เรื่องคน เรื่องงาน เรื่องการแข่งขัน และต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ได้ เหมือนกับสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้

ห้า เรื่องเงิน ต้องไม่นำไปใช้ผิดประเภท  เอสเอ็มอี เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยจับเงินมาก่อน พอทำไปๆ เงินเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ และเงินที่เยอะขึ้นนี้เองจะทำให้คนเปลี่ยนไป จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็น เวลาคนไม่มีเงิน จะขยัน ซื่อสัตย์ อดทน แต่พอเริ่มมีเงิน นิสัยเปลี่ยนไป เริ่มจับจ่ายใช้สอย เริ่มมีเพื่อน เริ่มเที่ยว ทำให้เสียหายได้ ฉะนั้นต้องมีวินัยในการเงินด้วย

หก ต้องมีการปรับปรุง ไม่มีใครที่ออกสินค้าและบริการมาแล้ว คนใช้ได้เลยซื้อติดทันที ยังไงก็ตาม ที่ออกมาครั้งแรก มันต้องถูกใช้งาน แล้วไม่ใช่ ต้องมีการปรับเปลี่ยน เอสเอ็มอี ต้องช่างสังเกต ว่าคนใช้แล้วเป็นยังไง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าพึงพอใจแค่ไหน ประเมินแล้วกลับมาดูตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า สินค้าหลายตัวบางคนหมุนเป็นร้อยรอบกว่าจะเป็นสินค้าที่ติดตลาดได้ ก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำ ไม่มีทางที่จะโต

เจ็ด หุ้นส่วน นับว่ามีความสำคัญ  เพราะแทบทุกธุรกิจต้องใช้หลายความสามารถ โลกนี้เราไม่ได้อยู่คนเดียว เน็ตเวิร์ก ล้วนมีค่า ถ้าเชื่อมกันได้ยิ่งมีค่ามากขึ้นไม่รู้กี่เท่าเพราะโลกทุกวันนี้ เป็นโลกของการพึ่งพาอาศัยกัน

“ผมเชื่อว่าแม้คุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ต้องอาศัยความเฮงด้วย ทุกคนต้องอาศัยโชค และคนที่จะมีโชคนั้น ต้องเป็นคนที่มีพาร์ตเนอร์ดี  คิดถึงสังคม คิดถึงคนอื่น ให้กับคนอื่นก่อน  เพราะโชคจะเลือกคน คนที่ใจร้าย อะไรก็ไม่ให้ คอยรับอย่างเดียว โชคจะไม่ไปหาคนพวกนี้ แต่โชคมักไปหาคนมีน้ำใจ คนอยากจะให้ คนดูแลองค์กรดี ดูแลลูกน้องดี ดูแลสังคม” เจ้าพ่อเอ็มเค ส่งท้ายอย่างนั้น

 

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 22 มีนาคม 2564