นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการเพิ่มรายได้ผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจ่ายเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับคนละ 3,000 บาท และรายได้เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับเงิน 1,500 บาท ซึ่งมีกำหนดเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา และเลื่อนเป็น 3 ธันวาคม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ว่า กระทรวงการคลังขอเวลาในการตรวจสอบตัวเลขผู้ลงทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อย จำนวน 8.3 ล้านรายให้ละเอียดก่อน เพราะยังพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ซึ่ง 3 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออมสิน และกรุงไทย เตรียมวงเงินไว้แล้ว โดยโครงการนี้มีเวลาจ่ายเงินถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2559

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรนำข้อมูลผู้ลงทะเบียนมาตรวจสอบเรื่องรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี โดยนำไปจับคู่กับข้อมูลภาษีเงินได้ในมาตรา 40 (1) เงินเดือน และ 40 (2) รายได้อื่นๆ ในระบบภาษีตามประมวลกฎหมายรัษฎากร แต่เมื่อนำข้อมูลไปจับคู่กับภาษีเงินปันผล ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร พบผู้ลงทะเบียนบางรายมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากและปันผลเกินกว่า 1 แสนบาทต่อปี เมื่อนำไปคิดย้อนกลับ พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องมีเงินฝากไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาท

“หากมีเงินฝาก สินทรัพย์ทางการเงินจนได้ปันผลเกินกว่า 1 แสนล้านบาท ก็ไม่ควรจะได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ ถือว่าไม่ได้จนจริง จึงนำข้อมูลผู้ลงทะเบียนมาตรวจสอบใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ต้องใช้เวลาพอสมควร คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้การตรวจสอบจะแล้วเสร็จ ธนาคารทั้ง 3 แห่ง พร้อมที่จะจ่ายเงิน 8.3 ล้านราย วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาททันที การจ่ายเงินใช้เวลาไม่นาน สามารถโอนครั้งเดียวได้ แต่ต้องดูว่าจะมีปัญหาประชาชนแห่มาถอนเงินหรือไม่ ดังนั้นอยู่ที่การบริหารของธนาคารแต่ละแห่งด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

ที่มา มติชน