ห่วง โชห่วย ไม่ปรับตัว อยู่ยากแน่ อดีตประธานค้าปลีก เสนอตั้ง สภาเอสเอ็มอี

ห่วง โชห่วย ไม่ปรับตัว อยู่ยากแน่ อดีตประธานค้าปลีก เสนอตั้ง สภาเอสเอ็มอี
ห่วง โชห่วย ไม่ปรับตัว อยู่ยากแน่ อดีตประธานค้าปลีก เสนอตั้ง สภาเอสเอ็มอี

ห่วง โชห่วย ไม่ปรับตัว อยู่ยากแน่ อดีตประธานค้าปลีก เสนอตั้ง สภาเอสเอ็มอี

จากการสัมมนาในหัวข้อ จับสัญญาณธุรกิจโชห่วย หลังโควิดจะรุ่งได้อย่างไร จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเร็วๆ นี้  คุณวรวุฒิ อุ่นใจ อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวบรรยายในงานสัมมนาว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบ และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกประมาณ 6 เดือน และในช่วงเวลาดังกล่าวเราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก ดังนั้น ผู้ประกอบการรายย่อย โชห่วย จึงต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง

ทั้งนี้มองว่า ภาพรวมธุรกิจโชห่วยของไทยในวันนี้กับเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ไม่มีความแตกต่างมากนัก ขณะที่เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ พวกเขาเปลี่ยนเป็นโมเดิร์นเทรดกันหมดแล้ว  แต่ของไทยมีแต่จะลดจำนวนลงด้วยหลายปัจจัย เช่น คนรุ่นใหม่ไม่อยากสืบทอดธรุกิจครอบครัว ไม่มีการใช้เทคโนโลยีในการซื้อขายมากนัก ร้านค้าปลีกจำนวนมากไม่มีระบบบัญชีที่ดี ทำให้ไม่สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไม่ยอมเปลี่ยนระบบความคิด ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ทำให้การขยับขยายทำได้ลำบาก

“การปรับเปลี่ยนการจัดวางสินค้าให้ต่อเนื่องอย่าให้ขาด เพิ่มความสะอาด จัดหมวดหมู่สินค้าเพื่อให้รู้ว่าอะไรควรขายพ่วงกันเพื่อเพิ่มยอดซื้อ ลูกค้าจะได้ซื้อสินค้าได้ครบจบในร้านเดียว สินค้าบางอย่างสามารถใช้เทคโนโลยีตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติก็นำเข้ามาช่วย เพื่อจำหน่ายในช่วงเวลากลางคืนไม่จำเป็นต้องจ้างคนเฝ้าร้าน กล้องวงจรปิด ระบบความปลอดภัยป้องกันสินค้าสูญหายจำเป็นต้องมี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่สำคัญของโชห่วยไทย” คุณวรวุฒิ กล่าว

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย

และว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรหาโอกาสในช่วงวิกฤต วางแผนล่วงหน้า และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเช่นเดียวกับจีน ที่สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นทั่วโลก อีก 6 เดือนข้างหน้า ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าวิ่งตามลูกบอล เพราะไม่มีทางวิ่งไล่ทัน ต้องวิ่งไปดักลูกบอล และรู้ว่าลูกบอลจะไปทางไหน เพราะนั่นแปลว่า เราจะเห็นโอกาส

“ผู้ประกอบการต้องหมั่นศึกษาหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต รีสกิล อัพสกิล ต้องระลึกเสมอว่า ปีนี้เราจะรู้อะไรมากขึ้น ทำอะไรมากขึ้น E-Payment มาแน่ ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดส่งจะโตทั้งอุตสาหกรรม กลยุทธ์ KOL เปลี่ยนยอดไลก์ เป็นยอดขาย พูดอะไรคนก็เชื่อ จะเป็นกองทัพนักขายช่วยแก้วิกฤตได้ แต่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สร้างโอกาส ติดอาวุธ ให้แต้มต่อคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบด้วย” คุณวรวุฒิ กล่าว

บรรยาย

อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวต่อว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย และโชห่วย ซึ่งมีจำนวนเป็นล้านทั่วประเทศ ต้องรวมกันให้แน่น อย่าอยู่แบบโดดเดี่ยว เพราะโอกาสล้มมีสูง ดังนั้น จึงอยากเสนอรัฐบาลให้จัดตั้ง สภาเอสเอ็มอี ขึ้นมา เพราะปัจจุบัน แม้จะมี สมาคมเอสเอ็มอี สมาพันธ์เอสเอ็มอี ก็เป็นเหมือนคนตัวเล็กที่ไปแฝงอยู่กับ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นคนตัวใหญ่ ทั้งที่เอสเอ็มอี มีสมาชิกหลายล้านราย เป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ แต่ศักดิ์ศรีเหมือนคนตัวเล็กที่ไม่มีเสียงที่จะส่งตรงถึงรัฐบาลว่า ต้องการความช่วยเหลืออย่างไร

“อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง เราต้องมีแต้มต่อ ที่จะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ การจัดตั้งก็ขอให้ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี และศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาดิจิทัล ที่มีเงินสนับสนุนทางกฎหมาย” อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าว