กสอ. พาลุย สุโขทัย ถอดรหัส ปั้น 20 ผลิตภัณฑ์แห่งการให้โอกาส ตั้งเป้ากระตุ้นรายได้ชุมชน

กสอ. พาลุย สุโขทัย ถอดรหัส ปั้น 20 ผลิตภัณฑ์แห่งการให้โอกาส ตั้งเป้ากระตุ้นรายได้ชุมชน กว่า 10 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 1,800 ล้านบาท

คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในประเทศจะลดลงเป็นที่น่าพอใจ ทว่าผลกระทบยังไม่เบาบาง การส่งเสริมประชาชนให้สามารถมีรายได้ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อน

คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

“สุโขทัย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญที่ถือได้ว่า มีความพร้อมในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยว หากได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก โดยกระทรวงยุติธรรม พร้อมสนับสนุนแรงงานจากผู้ต้องขังที่มีฝีมือที่ได้รับการฝึกอาชีพจนมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งในเรือนจำจังหวัดสุโขทัย และเรือนจำอำเภอสวรรคโลก มีแรงงานผู้ต้องขังจำนวนกว่า 350 คน สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าได้กว่า 940,000 บาท ในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ในการจ่ายเงินผลพลอยได้จากการฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขัง ร้อยละ 70 ของรายได้ทั้งหมด ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่เคยก้าวพลาดในชีวิต ให้สามารถวางแผนอนาคตภายหลังพ้นโทษได้” คุณสมศักดิ์ กล่าว

คุณณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

คุณณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้รับนโยบายจาก คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าของฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์หัตถกรรม

กสอ. จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาของฝากของที่ระลึกและจัดกิจกรรมถอดรหัส อัตลักษณ์สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อใช้ในการออกแบบเชิงพาณิชย์ ประกอบกับจังหวัดสุโขทัย ถือเป็นเมืองมรดกโลก มีต้นทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่เป็นจำนวนมาก ในระยะนำร่องของการถอดรหัสอัตลักษณ์ของจังหวัดสุโขทัย กสอ. ได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย

  • การจับจุดเด่นเป็นจุดขาย ผ่านกระบวนการถ่ายทอดอัตลักษณ์ในรูปแบบที่ง่ายต่อการจดจำ
    เพื่อให้เป็นตัวแทน หรือ มาสคอต ในการสื่อสารความเป็นตัวตน อาทิ ศิลาจารึก รถคอกหมู
    ดอกบัวหลวง และ นางระบำสุโขทัย ซึ่งได้มีการพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัย สะท้อนภาพเมืองเก่าที่พร้อม ก้าวผ่านทุกการเปลี่ยนแปลง และการนำเอาความเชื่อของคนในท้องถิ่น เกี่ยวกับ “นกคุ้ม” ที่เชื่อว่าเป็นวัตถุมงคลในการป้องกันภัยอันตรายต่างๆ มาพัฒนา ให้เป็น “ยันต์นกคุ้ม” ที่ยังคงความขลังของความศรัทธาแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย ที่สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างไม่ยาก
  • การจับจุดใหม่โดยใช้จุดเดิม ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม โดยอาศัยองค์ความรู้
    ทางด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เข้ามามีส่วนในการผลิต เพื่อให้เกิดสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์
    ความต้องการของผู้บริโภค อาทิ การยกระดับผลิตภัณฑ์จากผ้าหาดเสี้ยว โดยนำลวดลาย
    ที่เป็นเอกลักษณ์ของผ้า นั่นคือ ลายนกคุ้มคู่ มาตกแต่งลงบนเน็กไท และบนผืนผ้า
    พร้อมนำมาตัดเย็บตามแฟชั่นสมัยใหม่ เพื่อให้ผ้าไทยสามารถสวมใส่ได้ทุกวัน

“ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการถอดรหัสอัตลักษณ์ จะถูกถ่ายทอดทักษะในกระบวนการผลิตไปยังผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังที่ได้รับการฝึกฝนทักษะอาชีพโดย กสอ. ได้มีโอกาสสร้างรายได้ในรั้วเรือนจำที่จะสามารถต่อยอดไปสู่การประกอบอาชีพสุจริต เมื่อพ้นโทษสู่โลกภายนอก ถือเป็น ผลิตภัณฑ์แห่งการให้โอกาส ที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในไทยได้อีกทางหนึ่ง” คุณณัฐพล กล่าว

คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัย กล่าวในช่วงท้ายว่า กิจกรรม “ถอดรหัส อัตลักษณ์ วิถีถิ่น สุโขทัย” กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึกเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพในพื้นที่ ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ผ่านกระบวนการถอดรหัสเอกลักษณ์สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อใช้ในการออกแบบของที่ระลึกเชิงพาณิชย์

การให้คำปรึกษาแนะนำพัฒนาศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่สามารถสอดคล้องกับความต้องการของตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กลางเพื่อสร้างการจดจำแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของชุมชน และการส่งเสริมทางการตลาด โดยมีวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเข้าร่วมจำนวน 20 กลุ่ม และพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้พร้อมรับการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์

โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาท และจะสามารถต่อยอดโมเดลการดึงอัตลักษณ์ของชุมชน เพื่อถ่ายทอดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ผ่านผลิตภัณฑ์สินค้าของฝาก เพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการรักษาการจ้างงานกว่า 200 คน ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอคีรีมาศ อำเภอศรีสัชนาลัย และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเมื่อสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายขึ้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาในพื้นที่ ประมาณ 600,000 คนต่อปี ก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การพักแรม การรับประทานอาหาร การซื้อของที่ระลึกของนักท่องเที่ยว โดยจะมีมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 1,800 ล้านบาท