เจ้าของหนุ่มสาวทัวร์ แนะ ถ้าอยากกระตุ้นท่องเที่ยว ให้ ‘ภูเก็ต-สมุย’ รับวัคซีนก่อน 

วัคซีนโควิดถือเป็นความหวังท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ. 64) ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนล็อตแรกจำนวน 2 แสนโด๊ส จากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค จำกัด ของจีน

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ได้สัมภาษณ์ “คุณศุภฤกษ์ ศูรางกูร” ประธานบริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด และเจ้าของ เซเรนนาต้า โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท กรุ๊ป” นายกสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติคไทย, อดีตนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ถึงความหวังวัคซีนโควิด-19 ของภาคการท่องเที่ยว เผยว่า วัคซีนโควิด-19 คือทางออกของภาคการท่องเที่ยว ถ้าใครทำได้เร็วกว่าก็มีโอกาส เปิดรับนักท่องเที่ยวได้ก่อน 

“การจะทำให้คนมั่นใจเดินทางท่องเที่ยวได้ ต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนจากต้นทาง และฉีดให้ประชาชนเจ้าของบ้านคือปลายทาง แต่ถึงอย่างนั้นต้องระมัดระวัง ในกรณีที่ฉีดวัคซีนแล้ว สามารถป้องกันโควิด-19 ได้จริงหรือไม่ หรือจะมีภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสได้นานกี่เดือน เหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และยังต้องมีมาตรการป้องกันโรคเหมือนเดิม แต่ไม่ควรมีการกักตัว เพราะจะกลายเป็นจุดอ่อนของภาคการท่องเที่ยว”

ถามต่อในประเทศไทยวัคซีนควรไปอยู่ในหัวเมืองท่องเที่ยวไหนก่อน คุณศุภฤกษ์ เผยต่อว่า “นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยค่อนข้างกระจุกตัว อย่างเช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย พัทยา ชลบุรี กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เป็นต้น ถ้ามองในรูปแบบฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยว หรือประชาชนที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก ผมมองว่า ภูเก็ตกับเกาะสมุย คือจุดที่มีอาณาเขตชัดเจนเพราะเป็นเกาะ ต่างจากกรุงเทพฯ มีประชาชนจำนวนมากและกระจายตัวเป็นวงกว้าง รวมถึงมีทางเข้าออกหลายทาง และหากฉีดวัคซีนให้เฉพาะเมืองท่องเที่ยว อาจถูกตั้งคำถาม และนักท่องเที่ยวเองจะถูกจำกัดพื้นที่ และต้องบินเที่ยวบินตรงอย่างเดียว ซึ่งนิสัยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ 

“ถ้ามีทางเลือก ก็คือฉีดประชาชนให้ได้มากที่สุด 60-70 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าในกรณีวัคซีนไม่เพียงพอ ไม่มีทางเลือกก็ให้ฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่มีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศก็ยังพอรับได้ แต่ต้องตอบคำถามประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนให้เข้าใจ”

“ขณะเดียวกัน บางประเทศได้รับวัคซีนก่อนเราโดยเฉพาะประเทศคู่แข่ง คือจุดน่ากังวล เพราะถ้านักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในประเทศคู่แข่งเรา เขาก็จะเดินทางไปประเทศนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาคอยเรา ผมมองว่าการท่องเที่ยวอั้นมาปีกว่า อย่างปีนี้ผมว่าเป็นปีที่เสียโอกาสสูงมาก เพราะโซนยุโรป หรืออเมริกาจะหนาวมาก คนจะนิยมบินมาเที่ยวประเทศในเขตร้อนแบบบ้านเรา แต่ปรากฏว่าเกิดโควิด คนเดินทางไม่ได้ แต่ผมคาดว่าถ้าเดินทางได้เมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจะทะลัก สังเกตได้จากช่วงคลายล็อกดาวน์แล้ว คนกรุงเทพฯ ก็ทะลักไปเที่ยวต่างจังหวัดในรัศมี 200-300 กิโลเมตรค่อนข้างเยอะ เหมือนมีเทศกาลในวันสุดสัปดาห์ ประเทศอื่นก็เช่นกัน โหยหาการเดินทางท่องเที่ยว” คุณศุภฤกษ์ กล่าว