เผยแพร่ |
---|
เปิด 4 กลุ่มธุรกิจดาวเด่น มีโอกาสเติบโตได้อีกในปี 2564
เว็บไซต์ ธนาคารกรุงเทพ เผยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต และเป็นธุรกิจดาวเด่นในปี 2564 โดยได้ทำการวิเคราะห์จากข้อมูลทางธุรกิจที่มีอยู่ ตั้งแต่สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ จำนวนธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ และข้อมูลปัจจัยทางธุรกิจเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอก
ร่วมกับความสอดคล้องจากข้อมูลและผลการศึกษาจากหน่วยงานวิจัยด้านธุรกิจอื่นๆ เช่น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นต้น โดยข้อสรุปว่ามี 4 กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงในปี 2564 ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจด้านการค้าและการตลาดออนไลน์ ได้แก่ ธุรกิจการค้าออนไลน์ (e-Commerce) ธุรกิจแพลตฟอร์มสำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์ และธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) โดยธุรกิจในกลุ่มนี้ มีการเติบโตที่สอดคล้องและเกื้อหนุนกัน กับพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในปัจจุบันที่มีการซื้อขายสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งจากช่วงก่อนหน้านี้ และช่วงที่เกิดมีการแพร่ระบาดของโควิด-9 ซึ่งสะท้อนจากจำนวนธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ จากปีละ 310 รายในปี 2561 มาเป็นปีละ 798 รายในปี 2563 ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสและความท้าทายให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ เข้ามาดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจด้านขนส่ง โลจิสติกส์ และบรรจุภัณฑ์ เช่น ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ (Delivery) ธุรกิจขนส่ง โลจิสติกส์ (Logistic) และธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging) โดยเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลดีจากพฤติกรรมการบริโภคในการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจด้านการค้าและการตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน
สังเกตได้จากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก เช่น ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ (Delivery) มีรายได้ตลอดปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึงร้อยละ 57 และธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ (Logistic) มีกำไรตลอดปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึงร้อยละ 116

กลุ่มที่ 3 ธุรกิจด้านสุขภาพ สุขอนามัย และการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจบริการทางแพทย์และความงาม ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจเวชภัณฑ์ยาและขายสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ เป็นกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลดีจากพฤติกรรมของคนในสังคมที่ใส่ใจเรื่องของสุขภาพและการแพทย์ รวมทั้งความระแวดระวังจากการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้น
ซึ่งสะท้อนจากจำนวนธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเครื่องมือแพทย์’ มีการเติบโตของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ จากปีละ 68 รายในปี 2561 มาเป็นปีละกว่า 114 รายในปี 2563 และธุรกิจเวชภัณฑ์ยาและขายสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์’ ที่มีการเติบโตของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ จากปีละ 945 รายในปี 2561 มาเป็นปีละกว่า 1,158 รายในปี 2563
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาโปรแกรม Software และ Application ธุรกิจการเงิน Fintech และ e-Payment ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เครื่องซักผ้า เครื่องเติมเงิน และเครื่องเติมน้ำ เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ตอบสนองต่อการบริโภคของคนในสังคม เพื่ออำนวยความสะดวกและพัฒนาการให้บริการต่างๆ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
สังเกตได้จากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก เช่น ธุรกิจการเงิน Fintech และ e-Payment มีกำไรตลอดปี 2562 เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น จากปี 2561 ถึงร้อยละ 324 และธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เครื่องซักผ้า เครื่องเติมเงิน และเครื่องเติมน้ำ มีกำไรตลอดปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึงร้อยละ 94
หรือสามารถจำแนกออกเป็น 12 ธุรกิจ ดังนี้
- ธุรกิจการค้าออนไลน์ (e-Commerce)
- ธุรกิจแพลตฟอร์ม สำหรับการเป็นตลาดกลางออนไลน์
- ธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline)
- ธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของ (Delivery)
- ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์
- ธุรกิจออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
- ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม
- ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
- ธุรกิจเวชภัณฑ์ยาธุรกิจขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์
- ธุรกิจพัฒนาโปรแกรม Software และ Application
- ธุรกิจการเงิน Fintech และ e-Payment
- ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น ร้านสะดวกซัก เครื่องเติมเงิน เครื่องเติมน้ำ