เปิดคัมภีร์ 6 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อคิดจะทำงานเป็น ฟรีแลนซ์

เปิดคัมภีร์ 6 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อคิดจะทำงานเป็น ฟรีแลนซ์
เปิดคัมภีร์ 6 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อคิดจะทำงานเป็น ฟรีแลนซ์

เปิดคัมภีร์ 6 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อคิดจะทำงานเป็น ฟรีแลนซ์

เทรนด์การทำงานในยุคนี้ คือสวรรค์ของฟรีแลนซ์ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมทำงานออฟฟิศ มีไลฟ์สไตล์ทำงานอยู่บ้าน หรือร้านกาแฟ ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องเผชิญกับรถติด ไม่ต้องปวดหัวกับการจราจรในประเทศไทย และมีอิสระจะทำอะไรก็ได้เต็มที่ แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียที่มองไม่เห็นอยู่เช่นกัน เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็จะทำให้การทำงานนั้นไร้ประสิทธิภาพไปในทันที

เว็บไซต์ ธนาคารกรุงเทพ ได้เผยแพร่ 6 สิ่งที่ต้องทำเมื่อริจะเป็นฟรีแลนซ์ ดังนี้

  1. วางแผนให้ลงตัวเหมาะกับไลฟ์สไตล์

อันดับแรกเลยต้องจัดการตารางชีวิตให้ดีที่สุดก่อน ทำเหมือนเรายังเป็นเด็กที่จะต้องมีตารางว่าวันไหน ตอนไหน ต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งตารางของเราจะดีหน่อยตรงที่มันมีอิสระเต็มที่ให้เราจัดการมันได้ด้วยตัวเอง ลองปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ถ้ารู้ว่าตัวเองชอบนอนดึก ตื่นสาย ก็จัดตารางให้ตัวเองได้นอนแบบเต็มที่ หรือใครชอบทำงานเช้าๆ แล้วว่างเยอะๆ ตอนเย็น ก็ลองปรับเปลี่ยนวางแผนกันดูได้เลย ค่อยๆ ปรับไปจนกว่าจะลงตัว

  1. เรียงลำดับความสำคัญของงานทุกชิ้น

เพราะต่อไปนี้จะไม่มีใครมาคอยชี้นิ้วสั่งแล้วว่า เราจะต้องทำอะไรก่อนและหลัง ดังนั้น เราจะต้องจัดการตัวเอง ดูว่างานชิ้นไหนสำคัญกว่าและเร่งด่วน ก็ต้องทำงานชิ้นนั้นก่อน ส่วนงานชิ้นไหนยังไม่ได้เร่งเท่าไหร่ก็ไว้ทำทีหลัง เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกชิ้นก็คือ ให้ทำงานที่ยากที่สุดก่อนเป็นงานแรกของวันเสมอ เพราะคุณจะต้องใช้พลังกับมันเยอะมาก ต้องทำตอนที่สภาพร่างกายพร้อมที่สุด และงานเล็กๆ น้อยๆ ค่อยเอาไว้ทำตอนเย็น จึงจะทำให้งานเสร็จไว และได้ประสิทธิภาพครบทุกตัว

  1. ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ถึงที่สุด

ในแต่ละวันจะมาคอยแก้ปัญหาไปทีละจุดๆ ก็คงไม่ได้ เพราะการทำงาน Freelance หรือขายของออนไลน์มันเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบชัดเจน ดังนั้น ต้องตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าเราจะเดินทางไปยังไง ไปถึงจุดไหน ต้องทำอะไรเพื่อให้ไปถึงตรงนั้น พอมีเป้าหมายแล้วการเดินทางของเราก็จะง่าย และรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปในธุรกิจตรงหน้า

  1. ทำงานให้หนักกว่าตอนเป็นลูกจ้าง

เพราะอาชีพ Freelance นั่นเท่ากับคุณเป็นนายตัวเอง หมายความว่าชีวิตคุณต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งเราจะมาทำงาน 8 โมงเลิก 5 โมงไม่ได้อีกต่อไป ต้องขยันมากกว่านั้น ต้องทำงานหนักกว่านั้น เพราะยิ่งเราขยันเท่าไหร่ ยิ่งเข้าใกล้ความสำเร็จที่หวังไว้มากขึ้น และถึงแม้เราจะไม่อยากขยันก็คงจะไม่ได้ เพราะคู่แข่งของเราขยันขึ้นทุกวันๆ การแข่งขันที่รุนแรงจะบีบให้เราล้มเหลวและโดนกลืนหายไป ลูกค้าจะไม่เข้ามาใช้บริการจนต้องกลับไปหางานประจำทำในที่สุด

  1. มีพื้นที่ทำงานของตัวเองโดยเฉพาะ

การทำงานที่บ้านคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าจะทำตรงไหนก็ได้เหมือนกัน ขอแค่ให้ได้งานก็พอ แต่เพราะสมองของมนุษย์เราจะสั่งการได้ดีกว่า และมีการโฟกัสมากกว่าเมื่อได้ทำงานในจุดที่เป็นพื้นที่ทำงาน และได้แต่งกายอย่างเหมาะสม หลายคนชอบใส่ชุดนอนทำงาน ตื่นปุ๊บทำงานปั๊บ ซึ่งสมองจะสั่งการว่าเรายังไม่พร้อม ทำให้การทำงานล่าช้า คิดอะไรไม่ออก และไม่ได้งานเท่ากับตื่นเช้ามาอาบน้ำ เปลี่ยนชุด และพาตัวเองไปนั่งในพื้นที่ทำงานที่จัดเตรียมเอาไว้

  1. ใช้ความอิสระเป็นตัวกระตุ้นการทำงาน

เพราะอิสระในที่นี้จะทำให้เราไปไหนมาไหนก็ได้ จะเข้างานตอนไหน ออกงานตอนไหนก็ได้ ทำให้เรามีความสุขและมีวิถีชีวิตแบบที่ใจคิดได้มากกว่าทุกคน ดังนั้น อย่าลืมจัดเวลาว่างให้ตัวเอง เป็นการคืนความสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระตุ้นให้มีไฟอยากจะทำงานในวันต่อไป เช่น อาจจะกำหนดเวลาทำงานเอาไว้ให้เลิกเร็วขึ้นสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อเป็นการใช้ช่วงเวลานี้ในการพักผ่อน เติมพลังให้ตัวเอง