ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ปลดล็อกทุกส่วนของต้นกัญชา-กัญชง ยกเว้น…

ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ปลดล็อกทุกส่วนของต้นกัญชา-กัญชง ยกเว้น…

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ส่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามแล้ว ซึ่งคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในเดือนนี้ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยประกาศฯ ดังกล่าวมีสาระสำคัญในการปลดล็อกทุกส่วนของต้นกัญชา กัญชง ยกเว้น ช่อดอก ใบที่ติดกับช่อดอกของกัญชาและกัญชง และเมล็ดกัญชา ออกจากยาเสพติดให้โทษ เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์กัญชาและกัญชงเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้การปลูกกัญชา ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ปลูกโดยทั่วไป เกษตรกรยังคงต้องรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ โดยสามารถระบุเงื่อนไขการนำส่วนต่างๆ ที่ได้รับการยกเว้นตามประกาศฯ ฉบับนี้ไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้ขออนุญาตปลูกกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อย. และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ลงพื้นที่เยี่ยมชมความคืบหน้าการปลูกกัญชาโดยวิสาหกิจชุมชน ณ วิสาหกิจชุมชนรักจังฟาร์ม อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่ร่วมกับโรงพยาบาลของรัฐพัฒนาโมเดลการปลูกกัญชาทางการแพทย์ในรูปแบบโรงเรือน (กรีนเฮาส์) เพื่อส่งผลผลิตไปผลิตเป็นตำรับยากัญชาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้สำรวจพื้นที่ปลูกกัญชาเพื่อเรียนรู้รูปแบบการปลูกตลอดจนเทคนิคการปลูกเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากกัญชาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสำหรับวิสาหกิจชุมชน รวมถึงแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวกัญชาครบวงจร ทั้งการดูต้นกัญชา กัญชงของจริง การฝึกอบรม การให้ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์

กัญชาในโรงเรือน

นอกจากนี้ อย. ได้หารือกับตัวแทนสมาชิกในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรักจังฟาร์ม เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและวิสาหกิจชุมชนในประเด็นข้อจำกัดและปัญหาที่เกิดขึ้น ในการดำเนินงานตามนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เพื่อวางแผนและช่วยกันพัฒนาแนวทางส่งเสริมนโยบายขับเคลื่อนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการปลดล็อกส่วนของกัญชาตามประกาศฯ ที่จะมีผลใช้บังคับในเร็วๆ นี้ โดยหวังให้การเยี่ยมชมในครั้งนี้จะสามารถนำไปต่อยอดขยายผลไปยังวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตปลูกกัญชาทางการแพทย์ ให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าต่อพี่น้องเกษตรกร นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพของประชาชน และสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ในกลุ่มผู้ปลูกและผู้ประกอบการในอนาคตต่อไป

สำหรับทิศทางในปี 2564 ที่กำลังจะถึง คาดว่าจะได้เห็นภาพของพัฒนาผลิตภัณฑ์และงานบริการเพื่อสุขภาพ ที่มีการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาและกัญชงอย่างถูกต้อง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในฐานราก และการพัฒนาองค์ความรู้ของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และสามารถใช้ประโยชน์จากพืชกัญชา กัญชงได้อย่างยั่งยืน