ผู้ประกอบการ เผย รณรงค์ใส่ชุดไปรเวต ไม่กระทบยอดขาย ชี้กฎกระทรวงยังไม่เปลี่ยน 

จากกรณี ภาคีนักเรียน KKC และกลุ่มนักเรียนเลว ประกาศเชิญชวน ให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตไปเรียน ในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนวันแรก ภาคที่ 2 ของปีการศึกษา 2563

ผู้สื่อข่าว สอบถามไปยังผู้ประกอบการร้านขายชุดนักเรียน คุณโบ๊ท-ธนเชษฐ์ ศรีนวลจันทร์ ทายาทรุ่นสอง ร้านกึกก้องรุ่งทรัพย์ ซึ่งดำเนินกิจการขายชุดนักเรียนมากกว่า 40 ปี เผยว่า ขอพูดในมุมของคนที่เคยเป็นนักเรียน และในนามศิษย์เก่าของโรงเรียนที่เคยเรียนสมัยมัธยม ว่า ยังไม่เห็นด้วย กับการให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตไปเรียน

“อย่างน้อยๆ การใส่ชุดนักเรียน ยังสามารถจำแนกแยกแยะการเป็นนักเรียน การเป็นบุคคลธรรมดา ความเป็นระเบียบร้อยของตัวนักเรียนเอง และสถาบันได้ ส่วนการใส่ชุดไปรเวต มองว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าชุดนักเรียน โดยราคาชุดนักเรียนต่อชุดเฉลี่ย 500 บาท หากซื้อครบ ทั้งชุดลูกเสือ เนตรนารี ฯลฯ รวมๆ แล้ว 2,500-3,000 บาท ซื้อครั้งเดียวใส่ได้ 1-2 ปี ถึงใส่ไม่ได้แล้ว ยังเอามาเลาะชื่อ ส่งต่อให้น้อง ให้คนอื่นใส่ต่อได้อีก”

เจ้าของร้านขายชุดนักเรียน เผยต่อว่า “ส่วนกรณี ใส่ชุดไปรเวต น้องๆ ซื้อเสื้อผ้าต่อปี ซื้อบ่อยแค่ไหน ยิ่งสมัยนี้การช็อปปิ้งออนไลน์ทำได้ง่าย ซื้อเสื้อผ้าในปีๆ นึง แพงกว่าซื้อชุดนักเรียนมหาศาล แม้ผู้ปกครองจะบอกว่า เด็กไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียน พอมองย้อนกลับไปตามสื่อโซเชียล เด็กต่างจังหวัดสมัยนี้ ตามทันแฟชั่นแล้ว”

ส่วนในมุมผู้ประกอบการ เจ้าของร้านขายชุดนักเรียน เผยว่า “อยากเห็นความเป็นระเบียบเรียบร้อยของน้องๆ ที่ดูแล้วน่ารัก อย่างประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว หรือกัมพูชา เขายังใส่เครื่องแบบนุ่งผ้า ซึ่งแสดงอัตลักษณ์ความเป็นตัวตน ยังมีความภาคภูมิใจว่า เราคือนักเรียน”

คุณโบ๊ท เผยต่อว่า จากกรณีดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบกับยอดขาย ตราบใดที่กฎกติกามารยาท ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีผลบังคับใช้ต่อโรงเรียนต่างๆ ยังคงเดิม นั่นหมายความว่า นักเรียนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใดในประเทศไทย ยังคงต้องใส่เครื่องแบบนักเรียนอยู่เหมือนเดิม 

“ในวันแรกอาจจะมีเด็กใส่ชุดไปรเวตไปเรียน แต่เชื่อว่าทางโรงเรียนยังไม่ไปโต้แย้ง คล้ายๆ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง คือให้เด็กๆ ใส่ไปก่อน” เจ้าของร้านขายชุดนักเรียน กล่าว