สปสช. รับ ทุจริตบัตรทอง กระทบ 2 ล้านคน คนแห่ลงทะเบียนใหม่ หวั่นสิทธิเต็ม

สปสช. รับ ทุจริตบัตรทอง กระทบ 2 ล้านคน เผย เปิดลงทะเบียนใหม่ คนแห่ลง หวั่นสิทธิเต็ม

เว็บไซต์ ข่าวสดออนไลน์ รายงานข่าว จากกรณี สปสช. ได้ยกเลิก คลินิกอบอุ่น เนื่องจากตรวจสอบพบการทุจริต ทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองต้องลงทะเบียนเปลี่ยนสิทธิใหม่นั้น

บรรยากาศที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ ที่มีประชาชนจำนวนมากมาลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ หลังจากที่เกิดปัญหาทุจริตในคลินิกบัตรทอง โดยส่วนใหญ่ของประชาชนที่มาเนื่องจากไปสถานพยาบาลเดิมของตนเองแล้วไม่ได้รับการรักษา และได้รับการแจ้งว่า ไม่อาจให้บริการต่อไปได้อีก จึงทำให้ต้องมาติดต่อสำนักงานเขต

น.ส.ภาวนา ใจเสงี่ยม ผอ.เขตราษฎร์บูรณะ กล่าว ทางสำนักงานเขตได้เปิดให้บริการประชาชนลงทะเบียนเปลี่ยนสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา รวม 7 วันแล้วโดยเบื้องต้น จัดคิวบริการ 100-200 คน แต่ประชาชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากกว่าวันละ 300 คน จึงต้องมีการจัดทำบัตรคิวเพื่อลดความแออัด

โดยพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ มีประชาชนอาศัยกว่า 180,000 คน และทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมด โดยการจัดทำบัตรคิวก็เปิดจองคิวล่วงหน้าจนถึง 28 ก.ย. แล้ว ส่วนการแนะนำเลือกสถานพยาบาล ประสานเจ้าหน้าที่ สปสช. ดำเนินการเอง เนื่องจากเกรงผิดพลาด

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะเช่นกัน โดยขอโทษประชาชนถึงความล่าช้าในการแก้ไขปัญหา และระบบ ซึ่งจะพยายามเร่งจัดหาคลินิกมารองรับประชาชนให้เร็วที่สุด เบื้องต้นมีคลินิกมาสมัครร่วมเป็นคลินิกคู่สัญญาเพิ่มเติมอีก 10-20 แห่ง อยู่ระหว่างการดำเนินงาน คาดว่า 1-2 เดือนจะสามารถหาคลินิกทดแทนได้ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหา

ยอมรับ มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก เกือบ 2 ล้านคน ทั้งนี้ พยายามแก้ไขปัญหาทั้งการจัดทำระบบข้อมูลผู้ป่วย ดึงฐานข้อมูล ประวัติการรักษาพยาบาลของคนไข้ มาไว้กับฐานข้อมูลของ สปสช. แล้ว เพียงประชาชนเซ็นชื่อยินยอมเปิดเผยข้อมูล ก็ไม่จำเป็นต้องไปขอเวชระเบียนที่สถานพยาบาลเดิม และไม่ต้องเสียเงิน

ส่วนการรักษาระหว่างที่ยังไม่ได้สถานพยาบาล ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ทุกที่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยทาง สปสช. เป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด ในกรณีไปรับการรักษายังสถานพยาบาลอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพ

นพ.ศักดิ์ชัย เปิดเผยผลการประชุมหารือกับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา ถึงแนวทางการจัดบริการในพื้นที่ กทม. กรณีที่ สปสช. ยกเลิกสัญญาคลินิกเอกชนที่ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกัน ดังนี้

1. ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. จะขยายบริการปฐมภูมิในพื้นที่ โดยศูนย์บริการสาธารณสุขทำหน้าที่เป็นแม่ข่ายเชื่อมกับคลินิกในพื้นที่ ทั้งคลินิกทำงานในเวลา นอกเวลา คลินิกเฉพาะทาง คลินิกทั่วไป เพื่อรองรับประชาชนสิทธิบัตรทองที่หน่วยบริการถูกยกเลิกสัญญา โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 พ.ย. 2563 โดยทางสำนักอนามัย กทม. จะช่วยตรวจสอบในเรื่องคุณภาพบริการ และจะรับดูแลบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคทั้งหมดในเขต

2. สปสช. จะดำเนินการเซ็นสัญญากับคลินิกเอกชนรายใหม่ เพื่อเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการ ปรับเกณฑ์การขึ้นทะเบียนคลินิกเข้าร่วมให้บริการให้มากขึ้น ตลอดจนพิจารณาปรับอัตราจ่ายชดเชยบริการให้คลินิกให้เหมาะสมอีกด้วย

ทั้งนี้ ในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดระบบบริการปฐมภูมิให้กับประชาชนเพื่อลงทะเบียนหน่วยบริการประจำได้ กทม. จะช่วยสื่อสารกับประชาชนว่าหน่วยบริการใดบ้างที่ให้บริการได้ ทั้งบริการแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีการหารือในประเด็นอื่นๆ ได้แก่ ประเด็นที่คลินิกและโรงพยาบาลเอกชนที่ถูกยกเลิกสัญญาไปแล้ว ทาง สปสช. ได้หารือกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับดูแล เพื่อทำการชี้แจงคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนว่าไม่สามารถเก็บเงินผู้ป่วยหากผู้ป่วยมาขอประวัติการรักษา ขณะเดียวกัน สปสช. จะทำการปรับปรุงอัตราการจ่ายกรณีสิทธิว่าง ให้สอดคล้องกับสภาวะความเป็นจริง และจะทำหนังสือให้หน่วยบริการทราบว่าประชาชนสามารถไปรับบริการได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวต่อไป

“สปสช. ขอย้ำอีกครั้งว่า ผู้มีสิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. ขณะนี้ยังไม่ต้องลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลใหม่ สปสช. จัดให้ท่านได้รับสิทธิพิเศษ สามารถไปรับบริการที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมกับ สปสช. ได้ทุกแห่ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนกว่า สปสช. จะประกาศให้ลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือไลน์ @ucbkk และ @nhso ทั้งนี้ สามารถค้นหาข้อมูลสถานพยาบาลจาก Link https://reghosp.nhso.go.th/hospital_search/ โดยพิมพ์ชื่อสถานพยาบาลได้เลย” เลขาธิการ สปสช. กล่าว