เผยแพร่ |
---|
กระทรวงสาธารณสุข จัดระบบรองรับนักท่องเที่ยวระยะยาว 270 วัน สร้างความปลอดภัย ป้องกันโควิด
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2563 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า หลังจากประเทศไทยควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดี จึงมีการผ่อนคลายให้ชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ มีการตั้งสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) และสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine)
นอกจากนี้ เมื่อรัฐบาลเห็นชอบ Medical and Wellness Program จึงมีการดำเนินการตั้งสถานกักกันโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) รองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาในประเทศ ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก ซึ่งเป็นการดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม โดยมีการกักกัน 14 วัน ตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง มีระบบการส่งตัวผู้ป่วยที่ปลอดภัย แยกจากประชาชนทั่วไป เข้าสู่ห้องความดันลบ นอกจากนี้ กำลังดำเนินการจัดตั้งสถานกักกันในกิจการเพื่อสุขภาพ (Wellness Quarantine) รองรับการนำชาวต่างชาติที่สุขภาพแข็งแรงและปลอดเชื้อโควิด 19 เข้ามาใช้บริการกิจการสปาและการส่งเสริมสุขภาพ โดยยืนยันว่าระบบที่ดำเนินการมีความปลอดภัย
นายแพทย์ธเรศกล่าวต่อว่า จากข้อมูลถึงวันที่ 18 กันยายน 2563 มีผู้ป่วยชาวต่างชาติเดินทางมารักษาจำนวน 568 ราย เป็นผู้ป่วย 321 ราย และผู้ติดตาม 247 ราย พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพียง 5 ราย เป็นผู้ป่วย
2 ราย และผู้ติดตาม 3 ราย อยู่ระหว่างการขออนุมัติ 1,629 ราย อนุมัติแล้ว 878 ราย สามารถสร้างรายได้ 25.4 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดระบบให้ผู้ป่วยและญาติได้ซื้อสินค้าและเรียนออนไลน์ แต่หากเข้ามารักษาทั้งหมดตามที่ขออนุมัติ ประมาณการสร้างรายได้ 141.2 ล้านบาท เมื่อรวมกับการเปิดสถานกักกันในกิจการสุขภาพ และการท่องเที่ยวหลังกักตัวครบ 14 วัน ประมาณการรายได้ไม่ต่ำกว่า 605 ล้านบาท
สำหรับกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV) เข้ามาพำนักในไทย 270 วัน หรือสามารถต่อวีซ่า 90 วันได้อีก 2 ครั้ง คุณสมบัติของผู้ที่จะเดินทางมาจะต้องเป็นการมาพำนักระยะยาว (Long Stay) ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขและตกลงยินยอมกักตัวในห้องพัก 14 วันใน Alternative State Quarantine หรือ Alternative Local Quarantine ดังนั้นผู้เข้ามาจึงเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ บางส่วนเป็นนักธุรกิจที่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ด้าน นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ จะเริ่มจากผู้เดินทางที่ได้รับอนุญาตตามมาตรการป้องกันโรคที่ ศบค.กำหนด โดยเน้นจากประเทศเสี่ยงต่ำ เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพและนักธุรกิจที่มากระตุ้นรายได้ในประเทศ เช่น ซื้อพันธบัตรรัฐบาลคงไว้อย่างน้อย 1 ปี หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การพำนักในประเทศได้ด้วย ส่วนการจัดระบบรองรับเพื่อความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ในช่วงก่อนเดินทางผู้เดินทางต้องมี Fit to fly ผลตรวจปลอดโควิด 19 ใน 72 ชั่วโมง มีกรมธรรม์ 1 แสนเหรียญสหรัฐ เพื่อหากติดเชื้อจะไม่เป็นการเพิ่มภาระภาครัฐในการบริการคนไทย หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนของประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางมาถึงเข้าสู่ระบบการกักตัวที่ปลอดภัย ดำเนินการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง มีการใช้แอปพลิเคชันในการติดตามตัว อย่างไรก็ตาม การมาอยู่ระยะยาว 270 วัน จะมีการหารือว่าต้องนับรวมช่วงกักตัว 14 วันด้วยหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงเข้าที่ชุมชน และหากคนไทยยังร่วมกันคงมาตรการป้องกันโรคก็จะยิ่งเพิ่มความปลอดภัย
นอกจากนี้ ต้องมีการอบรมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการ จัดระบบกำกับติดตามการปฏิบัติตัวป้องกันโรคโควิด 19 สื่อสารให้ประชาชนและชุมชนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จำเป็นต้องเพิ่มช่องทางเข้าออก เครื่องมือ เจ้าหน้าที่ และสถานที่กักกันทั้ง ASQ และ ALQ ให้เพียงพอ