ค่ายน้ำมัน ขานรับดีเซล B10 สวนปาล์มเฮ ราคาพุ่ง 3.50 บาท

ค่ายน้ำมัน ขานรับดีเซล B10 สวนปาล์มเฮ ราคาพุ่ง 3.50 บาท
ค่ายน้ำมัน ขานรับดีเซล B10 สวนปาล์มเฮ ราคาพุ่ง 3.50 บาท

ค่ายน้ำมัน ขานรับดีเซล B10 สวนปาล์มเฮ ราคาพุ่ง 3.50 บาท

หลังจากที่กระทรวงพลังงาน กำหนดให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันปรับเปลี่ยนประเภทน้ำมันไบโอดีเซล ด้วยการให้จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นหลัก และให้น้ำมันไบโอดีเซล B7 และ B20 เป็นทางเลือก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะสนับสนุนเงิน “ชดเชย” ให้กับผู้ค้า เพื่อช่วยให้ราคาน้ำมันไบโอดีเซล B10 “ต่ำกว่า” น้ำมันดีเซลปกติลิตรละ 3 บาท จะส่งผลดีในแง่ของการเพิ่มปริมาณจำหน่าย B100 ที่นำมาผสมเป็น B10 มากขึ้น โดยด้านหนึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำมันปาล์มที่ล้นสต๊อกอยู่ในขณะนี้ถึง 557,000 ตัน (ณ เดือนกรกฎาคม 2563) และอีกด้านหนึ่งยังช่วยพยุงราคาปาล์มน้ำมันไม่ให้ตกต่ำ หรือตั้งเป้าหมายไว้ที่ กก.ละ 3.50 บาท และค่อยๆ ปรับให้เข้าไปใกล้กับราคาประกันรายได้ปาล์มที่กำหนดไว้ กก.ละ 4.50 บาทในที่สุด

“กระทรวงพลังงาน” หนุน B10

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การส่งเสริมการผลิตไบโอดีเซลเป็นนโยบายที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ความสำคัญสนับสนุนให้มีการใข้น้ำมันดีเซล B10 เป็นหลัก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ส่วน B20 และ B7 ให้เป็นน้ำมันทางเลือก นอกจากนี้ยังต้องการให้ตรวจสอบย้อนกลับน้ำมันปาล์มดิบมาผสมกับน้ำมันดีเซล เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าด้วย

ความต้องการ B100 เพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าว ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันหลายค่ายได้เตรียมพร้อมที่จะจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B10 สูตรใหม่ ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานใหม่ อาทิ เชลล์ประเทศไทย ได้เปิดตัวน้ำมัน เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล บี10 ที่มาพร้อมคุณภาพและเทคโนโลยีที่สะอาดต่อเครื่องยนต์

ส่วน ปตท. เปิดตัว PTT Ultra Force Diesel B10 น้ำมันสูตรใหม่ที่ให้ความแรงและเร็วไม่ต่างจากน้ำมันสูตรเดิม พร้อมกับราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้

ขณะที่บางจากเปิดจำหน่าย ไฮดีเซล S B10 ที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพด้วยเทคโนโลยี Green S พร้อมสารเพิ่มคุณภาพที่ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดและเพิ่มค่าซีเทน

และค่ายพีทีได้เพิ่มแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับผู้เติมน้ำมัน B10 ครบ 600 บาท จะได้รับน้ำดื่มฟรี 2 ขวด เป็นต้น

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ผู้ค้าน้ำมันจะต้องจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นชนิดน้ำมันหลัก ส่วนน้ำมันไบโอดีเซล B7 และ B20 จะเป็นน้ำมันทางเลือกสำหรับรถยนต์บางประเภทที่ไม่สามารถเติม B10 ได้

โดยนโยบายส่งเสริมการผลิตไบโอดีเซลนี้ “ผมถือว่าดี” จะช่วยยกระดับราคาปาล์มน้ำมันให้เกษตรกรได้ระดับหนึ่ง จากเมื่อปี 2562 ราคาผลปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 1.80-2.00 บาท แต่ในขณะนี้ระดับปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย กก.ละ 3 บาทกว่า

ส่วนราคาผลปาล์มที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้และมีกำไร ควรจะอยู่ที่ กก.ละ 3.50-3.80 บาท ในส่วนของ PT ซึ่งเป็นทั้งผู้จำหน่ายและผู้ผลิตน้ำมัน B100 ในภาพรวม

นายพิทักษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้ผลิตน้ำมัน B100 จำนวนมากกว่านับสิบราย รวมกำลังการผลิตประมาณ 7.2-8 ล้านลิตร/วัน ปริมาณความต้องการใช้อยู่ประมาณ 5 ล้านลิตร แต่หลังวันที่ 1 ตุลาคม ปริมาณความต้องการใช้ B100 จะเพิ่มขึ้นเป็นวันละประมาณ 6 ล้านลิตร จากที่เคยคาดการณ์ว่าอาจจะมีความต้องการใช้ B100 สูงถึง 6.5-6.7 ล้านลิตร แต่มาประสบปัญหาไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดการใช้น้ำมันดีเซลโดยรวม 6 เดือนแรกของปีนี้ยังติดลบอยู่

สำหรับราคาจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B10 ใหม่นั้น คงไม่ต่างจากระบบการกำหนดราคาในทุกวันนี้ เพียงแต่เดิม B7 เป็นชนิดหลัก แต่เมื่อกำหนดให้เปลี่ยนมาเป็น B10 ก็ต้องมาดูโครงสร้างใหม่ว่า กระทรวงพลังงานจะกำหนดออกมาอย่างไร

บางจากเปิดขาย 1,115 ปั๊ม

ด้าน นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดจำหน่ายกลุ่มน้ำมันดีเซล “ค่อนข้างทรงตัว” ในขณะที่ B10 เองก็ค่อนข้างชัดเจนว่า “เป็นกลุ่มเดียวกับ B20” ทางบางจากเองมีความพร้อมดำเนินการตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จากปัจจุบันบางจากมีการจำหน่ายไบโอดีเซล B10 ผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก จำนวน 1,115 แห่ง จากทั้งหมด 1,212 แห่งทั่วประเทศ ที่เหลือเป็นการรอประกาศทางการและเปลี่ยนหัวจ่าย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะยังมีความจำเป็นที่จะต้องจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B7 อยู่ เนื่องจากยังมีรถยนต์บางรุ่นยังไม่สามารถใช้น้ำมันไบโอดีเซล B10 ได้ โดยกลุ่มที่นิยมจะยังเป็นกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ตามที่คาดการณ์ไว้ว่า หลังจากโควิด-19 คนจะใช้รถส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งบางจากได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มแก๊สโซฮอล์ S EVO FAMILY ยกระดับ E20 S EVO เป็นน้ำมันคุณภาพพรีเมี่ยม “แต่จำหน่ายราคาเดิม” ซึ่งยอดขายดีขึ้นมากโตขึ้น 15% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ชาวสวนเฮราคาปาล์ม

นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาผลปาล์มปัจจุบันอยู่ในระดับสูงน่าพอใจ กก.ละ 3.50-3.70 บาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เฉลี่ย กก.ละ 2 บาทกว่า ทั้งๆ ที่ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงถึง 557,000 ตัน หรือเกินกว่าปริมาณสำรองที่กำหนดไว้ที่ตัวเลข 250,000 ตัน

“ราคาปาล์มปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล B10 การผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง และการขยายระยะเวลาในการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเฟส 2 ต่อเนื่องไปอีก”

ทั้งนี้ ปัจจุบันปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลทั้งประเทศอยู่ที่ 55 ล้านลิตร/วัน ส่วนอัตราส่วนการใช้น้ำมันดีเซล B10 อยู่ที่ 50 ล้านลิตร/วัน, B20 ปริมาณ 5 ล้านลิตร/วัน และดีเซล B7 อยู่ที่ 700,000-800,000 ลิตร/วัน หากคำนวณเป็นประมาณการใช้ส่วนผสมน้ำมันปาล์มดิบ CPO ก็จะเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง B10 ใช้ส่วนผสมไบโอดีเซล 10% หรือเทียบเท่า 5 ล้านลิตร จากปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด 50 ล้านลิตร ซึ่งถ้าประเทศไทยผลิต B100 ได้วันละ 8 ล้านลิตร ก็จะมีการใช้ 5-8 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นปริมาณปาล์มในส่วนของพลังงาน 4,500 ตัน/วัน หรือเดือนละ 130,000 ตัน คูณ 18% คิดเป็นผลปาล์มทะลาย 23,000-24,000 ตัน/เดือน ซึ่งระดับราคา B100 ตามประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน ล่าสุดอยู่ที่ลิตรละ 23 บาท คิดทอน เป็นราคาน้ำมันปาล์มดิบ CPO ประมาณลิตรละ 19-20 บาท (1 ลิตร เท่ากับ 1 กก.)

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์