4 ข้อปฏิบัติ ป้องกันมิจฉาชีพ ใครไม่อยากโดนแฮ็กเฟซบุ๊ก ต้องอ่าน!

4 ข้อปฏิบัติ ป้องกันมิจฉาชีพ ใครไม่อยากโดนแฮ็กเฟซบุ๊ก ต้องอ่าน!

ปัจจุบัน “สื่อสังคมออนไลน์” เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการติดต่อสื่อสาร การค้าขาย รวมถึงการทำธุรกรรมออนไลน์

การใช้งานสื่อออนไลน์ อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายๆ ท่าน ซึ่งอาจทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ ทำการแฮ็กเข้าระบบสื่อออนไลน์ของท่านมากระทำความผิด สร้างความเสียหายแก่ท่านได้

กองปราบปราม ได้ยกตัวอย่างกรณีอาญชากรรมบนโลกออนไลน์ให้ฟังเคสหนึ่งว่า คนร้ายจะทำการค้นหาข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายจากสื่อออนไลน์ที่เคยโพสต์ไว้ แล้วทำการสุ่มรหัสผ่านจากข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย เช่น หมายเลขโทรศัพท์ วันเกิด หรือข้อมูลส่วนตัวที่จะมาสุ่มแปลงเป็นรหัสผ่านได้

เมื่อแฮ็กเข้าระบบของผู้เสียหายได้แล้ว ก็จะส่งข้อความทักแชทไปยังเพื่อนของผู้เสียหาย เพื่อขอยืมเงินโดยให้โอนผ่านบัญชีที่คนร้ายได้เตรียมไว้ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกแฮ็กเฟซบุ๊กมากกว่าร้อยราย และทำให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาท

จากการสอบถามผู้เสียหายส่วนมาก มักจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวไว้บนสื่อออนไลน์ เช่น วันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งที่อยู่ และใช้รหัสผ่านในการเข้าระบบที่สามารถคาดเดาได้ง่าย

การป้องกันอาชญากรรมทางสื่อออนไลน์เบื้องต้น กองปราบปราม จึงขอแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้

(1) เปลี่ยนรหัสผ่าน ทุกๆ 3 หรือ 6 เดือน และเป็นรหัสที่สามารถคาดเดาได้ยาก โดยไม่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว

(2) ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบนสื่อออนไลน์

(3) การตั้งค่าเข้ารหัสความปลอดภัย 2 ชั้น ในกรณีที่แพลตฟอร์มนั้นๆ มีให้บริการ

(4) และหากถูกคนรู้จักทักผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์และถูกยืมเงิน ให้ตรวจสอบโดยการโทรศัพท์ไปตรวจสอบกับผู้ยืมโดยตรง

เพียงเท่านี้ท่านก็ลดความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพลงได้