EXIM BANK ออกสินเชื่อช่วยธุรกิจ เน้นอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร-เครื่องสำอาง

EXIM BANK ออกสินเชื่อช่วยธุรกิจ เน้นอุตสาหกรรมเกษตร-อาหาร-เครื่องสำอาง

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2563 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 เป็นสำคัญ รวมทั้งผลที่จะตามมาเมื่อมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของภาครัฐทยอยสิ้นสุดลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่วโลก ความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ โดย EXIM BANK คาดการณ์ว่า มูลค่าส่งออกของไทยทั้งปี 2563 จะหดตัว 8-10%

ในครึ่งหลังปี 2563  EXIM BANK ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจให้สามารถปรับตัวรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและต่างประเทศได้

  • บริการประกันการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการขนาดย่อม (EXIM for Small Biz) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปีหรือจ้างงานไม่เกิน 50 คน ที่เพิ่งเริ่มต้นส่งออก ไม่เคยใช้บริการประกันการส่งออก และมีแผนจะส่งออกมูลค่าไม่สูงนัก สามารถขออนุมัติวงเงินผู้ซื้อกับ EXIM BANK ตั้งแต่มูลค่า 100,000-500,000 บาท วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย ผู้เอาประกัน
  • สินเชื่อเอ็กซิมเสริมทุนธุรกิจขนาดกลาง (EXIM Amazing M Credit) เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง วงเงินสูงสุด 80 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3.75% ต่อปี
  • สินเชื่อเอ็กซิมเสริมไทยเก่ง (EXIM Star Credit) เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับผู้ส่งออก SMEs ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. กลุ่มเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ 2. กลุ่มอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และ 3. กลุ่มเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติปรุงแต่งดูแลร่างกาย วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 4% ต่อปี กรณีส่งออกไป CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

สำหรับ ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้าง 126,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,317 ล้านบาท หรือ 18.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 35,665 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 90,836 ล้านบาท การปล่อยสินเชื่อของ EXIM BANK ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 85,834 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 29,227 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.05%

ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 EXIM BANK มีวงเงินสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 92,891 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 52,915 ล้านบาท จากจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อคงค้างให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกและลงทุนใน CLMV จำนวน 33,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.38% หรือ 2,854 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โควิด-19 ทำให้ความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 90,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,503 ล้านบาทหรือ 70.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรก EXIM BANK ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญทางการเงินในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก โดยพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ลูกค้าเป็นระยะเวลา 6 เดือน และออกมาตรการทั้งด้านสินเชื่อและประกันความเสี่ยงให้แก่ลูกค้า ซึ่ง 81% เป็นผู้ส่งออก SMEs ซึ่งมีความสามารถในการต้านทานปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้น้อย อาทิ ปริมาณคำสั่งซื้อลดลงจากเศรษฐกิจโลกซบเซา ความให้เสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าสูงขึ้น ภาคการผลิตหยุดชะงักจากการที่ซัพพลายเออร์หยุดการผลิตและไม่สามารถหาวัตถุดิบมาได้ ธุรกิจขาดสภาพคล่อง ขณะที่เงินบาทมีทิศทางแข็งค่า ทำให้สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาสินค้า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 EXIM BANK ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 4,600 ราย หรือประมาณ 15% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ วงเงินรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท

ผลดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2563 EXIM BANK มีกำไรก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นเท่ากับ 1,163 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) ซึ่งเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจภายนอกที่มีความเสี่ยงสูง และการกันสำรองตามเกณฑ์ TFRS 9 ที่เข้มงวดขึ้น ซึ่ง EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งแรกที่ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน กลุ่มเครื่องมือทางการเงิน (รวมถึง TFRS 9) ทำให้ธนาคารต้องกันสำรองตามเกณฑ์ TFRS 9 2,908 ล้านบาท บวกกับการกันสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นสำหรับงวดครึ่งแรกปี 2563 เท่ากับ 2,579 ล้านบาท รวมเป็น 5,487 ล้านบาท แต่เนื่องจาก EXIM BANK กันสำรองไว้สูงอยู่เดิม ทำให้งวดครึ่งแรกปี 2563 EXIM BANK ขาดทุนสุทธิเพียง 1,416 ล้านบาท

EXIM BANK มีการติดตามให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งควบคุมดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ EXIM BANK มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio) เท่ากับ 6.37% ณ 30 มิถุนายน 2563 เทียบกับระดับ 4.60% ณ สิ้นปี 2562 ขณะเดียวกัน EXIM BANK ใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 163.89%