Look Of The Week: กระเเสวิจารณ์”อิวานกา ทรัมป์”โปรโมทเเบรนด์เเฟชั่น ผ่านเวทีการเมืองของพ่อ

สัปดาห์นี้เจ๊ฮาโกะยังคงพาคุณผู้อ่านอยู่กับ “อิวานกา ทรัมป์” ลูกสาวว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่สวยสุด ฮอตสุดเเละดังสุดๆในเวลานี้  (คลิกอ่านเรื่องราวชีวิตของเธอ ที่นี่)

อย่างที่รู้ๆว่ากันเเหละว่านอกจากเป็นรองประธานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของพ่อเเล้ว สาวอิวานกายังมีเเบรนด์เเฟชั่นเป็นของตัวเองในชื่อ (ของเธอเอง) “Ivanka Trump” 

เเละเเล้วล่าสุดก็มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นจนได้ เนื่องจากมีกระเเสติติงมาว่าเธอได้ทำธุรกิจโปรโมทสินค้าเเบรนด์ตัวเองผ่านรายการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” พ่อของเธอให้สัมภาษณ์ครั้งเเรก ภายหลังชนะเลือกตั้งขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรายการ 60 มินิตส์ ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คูลซีฟของครอบครัวทรัมป์ อิวานกาลูกสาวคนโตของบ้าน นั่งสวยเด่น สวมกำไลหรู มูลค่า 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 460,000บาท) ดูก็ไม่เเปลกอะไรหรอก ถ้าเรามีเเบรนด์ตัวเองเราก็จะใส่ของเราเหมือนกัน เเต่เอ๊ะ…เเล้วมันดร่าม่ายังไง

ก็เรื่องมันคงจะปกติเเหละ เเต่วันรุ่งขึ้นก็มีอีเมลขายของส่งไปให้นักข่าว บล็อกเกอร์เเฟชั่นทั่วโลก ให้ช่วยสนับสนุนกำไลหรู ในคอลเลกชั่น Metropolis (ที่เธอใส่ในวันที่ไปออกโทรทัศน์ให้หน่อย) อะหึ่มมมม

เเน่นอนว่าอีเมล์ style-alert ฉบับดังกล่าวเเพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว บางส่วนวิจารณ์ว่ามันเหมาะหรือไม่ เหมือนมันจะเป็นรอยต่อที่พร่ามั่วระหว่าง “ธุรกิจ” กับ “การเมือง” เลยนะจ๊ะ


ภาพจาก CBS NEWS

เเต่นี่ไม่ใช่ครั้งเเรก เธอเคยถูกวิจารณ์ว่าโปรโมทเเบรนด์แฟชั่นของตัวเองบนเส้นทางการเมืองของพ่อ โดยเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา หลังเธอขึ้นกล่าวบนเวทีสนับสนุนการเป็นตัวเเทนพรรครีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เพียง 12 ชั่วโมงต่อมา เธอก็ประกาศขายชุดเเบบเดียวกันที่เธอใส่ขึ้นเวทีครั้งนั้นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ในราคา 138 ดอลลาร์สหรัฐฯ( ราว 4,900)เเละมันก็ขายหมดในเวลาเพียงไม่กี่วัน


ดูชุดได้ที่นี่

เเม้จะมีกระเเสต่อต้านทรัมป์ด้วยการประกาศว่าจะบอยคอตต์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเเบรนด์ทรัมป์ เเต่ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ตอบตอนให้สัมภาษณ์ใน 60 มินิตส์ว่า“who cares?”… โนสนโนเเคร์

จึงกลายเป็นที่น่าจับตามองว่า “ธุรกิจเครือทรัมป์” จะเกี่ยวพันผสมกับ “การเมืองทรัมป์” หรือไม่อย่างไร ติดตามต่อไปนะจ๊ะ

ภาพจากอินสตาเเกรม,ทวิตเตอร์ ivankatrump

 

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์