ผปก.บาร์โฮสต์โอด เปิดร้านหลังโควิด ลูกค้าหด-ทุนเพิ่ม เพราะนิวนอร์มอล

“เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเจมส์ วัย 43 ปี หนึ่งในหุ้นส่วนบาร์โฮสต์หนุ่มหล่อ ย่านรัชดาภิเษก ร้าน เออ อินฟินิตี้ ถึงสถานการณ์ธุรกิจในช่วงโควิด-19 ในครึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจุบันทางรัฐบาลมีการอะลุ่มอล่วยให้เปิดบริการได้ ตามมาตรการและข้อกำหนดที่กำหนดมา

คุณเจมส์ เปิดใจให้ฟังว่า ร้าน เออ อินฟินิตี้ เปิดมาได้หลายปีแล้ว ตนเพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาร่วมหุ้นกับพี่คนรู้จักที่สนิทด้วยเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีตนนั้นช่วยงานธุรกิจที่บ้านอยู่แล้ว ด้วยความที่ตนเป็นคนชอบเที่ยว และความฝันอยากจะเปิดผับ ก็ได้มีโอกาสเปิดผับขึ้น แต่ก็ต้องปิดตัวลงเพราะเหตุการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวไทย

“ก่อนมาทำบาร์โฮสต์ พี่เคยเปิดผับมาก่อน ทำมาได้พักหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ ร.9 ท่านสวรรคต ช่วงนั้นงานรื่นเริงก็เงียบหมด เราก็ขาดทุน แต่มันก็มีเงินเหลืออยู่ก้อนหนึ่ง ทีนี้พี่ก็ไปรู้จักกับพี่คนหนึ่ง เขากำลังจะทำบาร์โฮสต์ ก็ชวนกันไปหุ้นเปิดร้าน พี่ก็ตัดสินใจลงขันด้วย ก็เลยได้มาดูแลร้านตั้งแต่ตอนนั้น” คุณเจมส์ เท้าความให้ฟัง

เขาเผยต่อว่า ธุรกิจกลางคืนของเขาดำเนินไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา พออยู่ได้ กลับต้องมาสะดุดเข้าจังเบ้อเร่อ เพราะโควิด-19 แพร่ระบาด

“ธุรกิจกลางคืน เป็นธุรกิจที่กระทบเยอะเหมือนกันนะ เพราะก่อนโควิด เราได้รายได้จากค่าเหล้าเดือนๆ หนึ่งก็หลักล้าน พอโควิดมาก็หายหมด ไหนจะต้องรักษาระยะห่าง ไหนจะเรื่องเวลา เพราะร้านพี่เป็นบาร์โฮสต์ กลุ่มลูกค้าเราเขามักจะไปสังสรรค์กันที่อื่นพอหอมปากหอมคอก่อนแล้วค่อยมาต่อที่ร้านพี่ แล้วพอโควิดเข้ามา เราก็พยายามแก้ไขปัญหากัน เด็กในร้านมี 200 กว่าคน ก็ต้องกระจายกันไปเอาตัวรอด บางคนดีหน่อยมาทำร้านพี่เป็นอาชีพเสริม บางคนเขามาทำจริงจังก็ต้องหาทางออกอื่นเอาของมาขาย คนในร้านก็ช่วยๆ กันอุดหนุน แต่จะให้อุดหนุนทุกวันทุกครั้งมันก็ไม่ไหว พี่โชคดีที่ยังมีธุรกิจที่บ้านอยู่ แต่ก็พยายามประคองทั้งร้านทั้งเด็กในร้านเท่าที่ทำได้ แต่จะให้มาเปลี่ยนไปทำอาหารส่งแบบเขา ครัวที่ร้านก็ไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดนั้น แล้วพอรัฐบาลบอกให้ปิด พี่ก็โอเคปิดดีกว่า เพราะร้านเรามันเป็นสถานที่เที่ยว ลูกค้ามีมาจากทั่วทุกสารทิศ คนของเราก็เป็นพวกชอบเที่ยวเหมือนกัน ต่างคนต่างก็กลัวเพราะไมรู้ว่าต่างคนต่างไปไหนมาบ้าง ก็ปิดเฉยๆ ไปเลย 3 เดือน เพราะมันทำอะไรไม่ได้ แถมค่าใช้จ่ายเราก็ยังมีเพราะที่ที่เปิดตรงนี้ก็เช่าเขา ก็ดีที่เจ้าของลดให้” คุณเจมส์ กล่าว

หลังจากปิดร้านมาได้ 3 เดือนกว่าๆ ในที่สุดร้านก็มีโอกาสได้เปิดให้บริการแล้ว โดยคุณเจมส์ เผยว่า แม้ว่าร้านธุรกิจบันเทิง จะได้รับการผ่อนปรนให้เปิดให้บริการได้แล้ว แต่ผู้ประกอบการก็ต้องเจอต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่อย่าง นิวนอร์มอล มีการวางเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อไว้ทั่วทั้งร้าน

“ก็สองสามวันมานี้ร้านก็เปิดได้แล้ว แต่ก็ต้องเป็นแบบนิวนอร์มอล จากเดิมเราปิดตี 1 ตี 2 ก็ต้องปรับมาเปิด 6 โมงปิดเที่ยงคืน ซึ่งอย่างที่บอก ลูกค้าไม่ได้มาที่เราเป็นที่แรก บางคนเลิกงานกว่าจะกลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวมา อ้าว ร้านใกล้จะปิดแล้ว มันก็ไม่สนุก แล้วพวกโซนยืนเราจะตั้งได้ 4-5 โต๊ะ ก็เหลือ 2-3 โต๊ะ โซนที่เป็นโซฟาก็ต้องมีฉากกั้นเพิ่มเข้ามา เวทีดีเจที่อยู่สูงจากฟลอร์ ก็ต้องมีฉากกั้นด้วย คือทุนมันเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้ามันไม่ได้เข้ามาเยอะแบบเมื่อก่อน เปิดวันแรกมีลูกค้าเข้ามา 8-9 โต๊ะ ก็เป็นลูกค้าเก่าๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตา”

“พูดจากใจคือปัญหามันอยู่ที่เวลาเปิดปิดอย่างเดียวเลย อย่างอื่นเราทำตามได้หมด พูดตรงๆ เราก็พยายามป้องกัน ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดีนัก ลำบากครับ แต่เพื่อนร่วมวงการธุรกิจอื่นๆ น่าจะหนักกว่า แม้จะมีการเปิดให้เที่ยวได้บ้างแล้ว แต่บรรยากาศมันหม่นหมอง เครียดเพราะโรค คนมันก็เที่ยวกันไม่สนุก สุดท้ายก็จะไม่มาเที่ยวกัน ถึงให้เปิดร้านได้มันก็เท่านั้น ก็อยากให้ช่วยคัดกรองตรวจสอบให้เข้มกว่านี้ จะได้สร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย” คุณเจมส์ กล่าวทิ้งท้าย