ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้อาศัยอยู่หมู่บ้านอารียา-ชบา เกษตรนวมินทร์ กว่า 70 หลังคาเรือน รวมตัวกันเกือบ 30 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ สคบ. กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโครงการบ้านจัดสรรหมู่บ้านอารียา-ชบา เกษตรนวมินทร์ โดยมีปัญหาสาธารณูปโภคไม่เป็นไปตามโฆษณา
นายสุรศักดิ์ ปัทมดิษฐ์ หนึ่งในเจ้าของบ้านโครงการอารียา ชบา เอ็กซคลูซีฟ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เริ่มสร้างและขายตั้งแต่ปี 2547 โดยอำพรางการจัดสรรที่ดินปลูกสร้างรวมเอาชุมชนเฟรนด์ชิฟที่อยู่ติดกันเข้าไปในโครงการด้วย มีการสร้างถนนคั่นกลางระหว่างชุมชนเฟรนด์ชิพที่อยู่มาก่อนเดิม กับโครงการอารียา ชบา ทำให้การสร้างกำแพงปิดล้อมหมู่บ้านไม่ได้เนื่องจากปิดทางสัญจร เป็นเหตุให้ไม่สามารถจดทะเบียนนิติบุคคลได้ หมู่บ้านนี้มีหลายขนาดราคาเริ่มต้น 3-10 ล้านบาท ตนซื้อบ้านในโครงการนี้ราคา 6 ล้านบาท ทางโครงการเรียกเก็บค่าส่วนกลางงวดแรกต่อปี รวม 9 หมื่นบาท ทุกบ้านจะถูกเรียกเก็บส่วนกลางเท่ากันหมดทุกหลัง แม้ขนาดพื้นที่ไม่เท่ากัน แต่กลับไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกทางด้านสาธารณูปโภคที่โครงการได้โฆษณาไว้ อาทิ สระว่ายน้ำ สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การจัดการขยะ และการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งยังไม่ชี้แจง เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและค่าใช้จ่ายให้ลูกบ้านได้ทราบ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาบุคคลภายนอกใช้พื้นที่รวมกับคนในหมู่บ้านทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยมีขโมยขึ้นบ้านตลอด จึงมาร้องขอความเป็นทำกับศูนย์ร้องทุกข์ สคบ. และแจ้งความ บก.ปคบ. ขอให้จัดตั้งคณะนิติบุคคล และล่าสุดลูกบ้านหลายๆ รายกลับเป็นฝ่ายถูกทางโครงการฟ้องศาลกรณีเรียกเก็บค่าส่วนกลางเพิ่ม แต่ไม่มีใครจ่าย
ต่อมาเวลา 11.00 น. กลุ่มผู้เสียหายเข้าพบ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ประเจต ภาพสมุทร ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน พ.ต.ท.นำชัย ยกย่องกุล สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการอารียา ชบา กรณีผิดสัญญาตามที่เคยลงประกาศไว้เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคในใบโฆษณาชักชวนโครงการดังกล่าว ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2547 โดยบุคคลที่ทำหน้าที่ขาย และเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ของบริษัทในขณะนั้น ได้อธิบายและชวนเชื่อให้เกิดความอยากซื้อบ้านพักอาศัยของโครงการอารียา ดังจะเห็นได้จากการที่ลูกบ้านทั้ง 70 กว่าหลังคาเรือนเข้าใจและตัดสินใจซื้อบ้านของโครงการไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ลูกบ้านทั้งหมดได้พิจารณา และตัดสินใจซื้อตามรายละเอียดของโบชัวร์ และการส่งเสริมการขายของบริษัท รวมทั้งทำสัญญาผ่านเจ้าหน้าที่ของโครงการ หน่วยงานรัฐบาล และเอกชน เช่น กรมที่ดิน ธนาคารต่างๆ แต่ปัจจุบันทางโครงการพยายามเบี่ยงเบนและใช้ข้อความต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยง คำว่าลูกบ้านโครงการอารียา โดยส่งบริษัทต่างๆ ที่โครงการหรือบริษัทอารียาจัดตั้งขึ้น ชี้แจงว่าลูกบ้านจำนวน 40 กว่าหลังคาเรือนว่าเป็นชุมชนเฟรนด์ชิฟ ไม่ใช่ลูกบ้านในโครงการอารียา ชบา ดังนั้น การดำเนินการต่างๆ ในการจัดตั้งนิติบุคคลมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันทางลูกบ้านไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงจากทางโครงการอารียา ข้อมูลต่างๆ โดยส่วนใหญ่มาจากตัวแทนที่ได้รับการมอบหมายและจัดตั้งจากบริษัทอารียา พร็อพเพอรตี้ จำกัด (มหาชน) เกือบทั้งหมด
พ.ต.ท.นำชัยกล่าวว่า ให้เจ้าของบ้านผู้เสียหายทยอยแจ้งความ โดยจะสอบเบื้องต้นก่อน พร้อมขอข้อมูลเอกสารโบชัวร์ เป็นหนังสือสัญญาถ้าไม่ดำเนินการตามที่ลงประกาศ เป็นการทำผิดสัญญา จากนั้น จะรวบรวมหลักฐาน ก่อนเรียกเจ้าของโครงการมาสอบถามข้อมูลต่อไป