พร้อม! กลุ่มไมเนอร์ ทยอยเปิดโรงแรม ขานรับ ‘เที่ยวปันสุข’ กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี

พร้อม! ‘ไมเนอร์’ ผู้นำธุรกิจ โรงแรม อาหาร และสินค้าแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ทยอยเปิดโรงแรมในเครือ 535 แห่ง ขานรับ ‘เที่ยวปันสุข’ กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ผู้นำธุรกิจ โรงแรม อาหาร และสินค้าแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ประกาศความพร้อมในการกลับมาปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือทั่วโลกจำนวน 535 แห่งทั่วโลก เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่แบบ New Normal ด้วยการยกระดับมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยห่างไกลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณบวกที่จะกลับมารองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง นอกจากนี้ภาครัฐของประเทศต่างๆ ได้ออกมาตรการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก จะเป็นแรงส่งเสริมให้ธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะมีความแข็งแกร่งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เป็นระยะเวลากว่า 4 เดือน จนส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจระดับโลกในวงกว้าง แต่ล่าสุด สถานการณ์ทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา เนื่องจากหลายประเทศสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น จนมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ให้ภาคธุรกิจและประชาชนกลับมาทำกิจกรรมและดำเนินวิถีชีวิตตามเดิม

โดยไมเนอร์ได้เตรียมความพร้อมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือทั่วโลกที่จะกลับมาปฏิบัติการในรูปแบบ New Normal อีกครั้งเช่นกัน โดยบริษัทกำหนด Reopening แบบเต็มรูปแบบดังนี้

  • โรงแรมในประเทศไทย จำนวน 28 แห่ง (5,009 ห้อง) สัดส่วนรายได้ 14% ซึ่งเริ่มทยอยเปิดกลับมาเปิดให้บริการ โดยเริ่มจากโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ในปลายเดือนพฤษภาคม โรงแรมในหัวหินในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนโรงแรมบางแห่งในจังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย พัทยาและขอนแก่น มีกำหนดกลับมาเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2563
  • โรงแรมในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 29 แห่ง (2,988 ห้อง) โดยไม่นับรวมโรงแรมในประเทศไทย สัดส่วนรายได้ 4% โดยโรงแรมในประเทศจีนและในประเทศเวียดนามประสบความสำเร็จในการกลับมาเปิดให้บริการแล้ว ตามการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียที่ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเครือของไมเนอร์ที่ตั้งในภูมิภาคนี้ เพราะกลุ่มลูกค้าของโรงแรมมากกว่า 60% อยู่ในภูมิภาคเอเชีย
  • โรงแรมในเครือ NH Hotel Group จำนวน 343 แห่ง (51,151 ห้อง) สัดส่วนรายได้ 67% จะกลับมาให้บริการอย่างเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการโรงแรมประมาณ 60% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากหลายประเทศในภูมิภาคยุโรปเริ่มมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ หรือแม้แต่ออกประกาศการสิ้นสุดของการแพร่ระบาด

ในขณะที่ภาครัฐของประเทศต่างๆ ได้ออกมาตรการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก อาทิ รัฐบาลเวียดนามออกแคมเปญพิเศษเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนในประเทศ เช่น การลดราคาโรงแรม-ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน รัฐบาลไต้หวันได้วางแผนช่วยสมทบทุนธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวที่รวมไปถึงส่วนลดค่าสาธารณูปโภค รวมถึงการให้เงินสงเคราะห์แรงงานในอุตสาหกรรมนี้ ส่วนประเทศนอร์เวย์ออกมาตรการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งใช้กับการขนส่งผู้โดยสารที่พัก กิจกรรมทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เป็นต้น

สำหรับประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เสนอแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ ซึ่งในแผนนี้ประกอบด้วยมาตรการ อาทิ “เที่ยวปันสุข” โดยจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนซื้อบัตรกำนัลดิจิตอลสำหรับนำไปใช้เป็นค่าห้องพัก “เราไปเที่ยวกัน” ที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่พักและกิจกรรมของโรงแรม รวมถึงมาตรการ “กำลังใจ” เพื่อเป็นการตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือเชื้อไวรัสโควิด-19 ราว 1.2 ล้านคน โดยจะสนับสนุนงบประมาณศึกษาดูงานผ่านบริษัทนำเที่ยวในประเทศ ล่าสุด มีมติยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ตลอดจนนโยบายอื่นๆ ที่จะมีในอนาคตอีกจำนวนมาก ซึ่งไมเนอร์มีแผนการจัดกิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลไทยดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างเหมาะสมต่อไป  

 ไมเนอร์เชื่อมั่นว่า “สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกจะเป็นในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยภาคธุรกิจต่างๆ จะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว ซึ่งเมื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ นักท่องเที่ยวจะออกเดินทางมากขึ้นและเพื่อความปลอดภัยในด้านสุขอนามัยของลูกค้าอันเป็นหัวใจสำคัญ ธุรกิจโรงแรมในเครือทั้งหมด 530 โรงแรมทั่วโลกจะปฏิบัติตามคำสั่งและแนวทางจากรัฐบาลแต่ละประเทศและองค์การอนามัยโลก โดยไมเนอร์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสุขภาพและความปลอดภัย ที่ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อกำกับดูแลการพัฒนามาตรการด้านสุขอนามัยให้ลูกค้าตามมาตรฐานอันเข้มงวด ตลอดจนให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่างๆ ของแขกผู้เข้าพัก ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง ฯลฯ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์พักผ่อนที่น่ารื่นรมย์ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยด้านสุขภาพ” นายชัยพัฒน์ กล่าวสรุป