รอคอยไม่ใช่คำตอบ! “เน็กซัส” เอเยนซี่ธุรกิจอสังหาฯ เชื่อ โอกาสมีในทุกสถานการณ์

รอคอยไม่ใช่คำตอบ! “เน็กซัส” เอเจนซี่ธุรกิจอสังหาฯ เชื่อ โอกาสมีในทุกสถานการณ์

เมื่ออุปสรรคเป็นจุดหยุดชะงักด้านความรู้สึก การปรับตัวที่แท้จริงจึงถูกผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจมีทางออกและไปต่อได้ สำหรับในวงการอสังหาริมทรัพย์ อาจเห็น “ดีเวลลอปเปอร์” หลายราย ลุกขึ้นมาจัดกิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือ ยอดขายที่ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เพราะเวลาที่เดินไปในแต่ละวัน มาพร้อมเม็ดเงิน  ที่เดินไปด้วยในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนสินค้า ค่าการจัดการ ค่าเงินเดือนพนักงาน ดอกเบี้ยที่กำลังเดินหน้า ซึ่งข้อได้เปรียบของดีเวลลอปเปอร์ คือ มีสินค้าให้ขาย มีพนักงานขาย มีประมาณการเม็ดเงินที่จะนำมาลงใช้ได้ เพราะรู้ว่าต้นทุนทางการตลาดนั้นเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต่อมูลค่าโครงการ การปรับวิธีการทำการตลาด การเรียกลูกค้า เป็นหนึ่งในการเพิ่มยอดขายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป

แต่เมื่อหันมามองอีกหนึ่งธุรกิจในวงจรอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ คือ ธุรกิจ Property Consultancy ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านงานการตลาดและงานขายให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ อย่าง บริษัท เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

“เน็กซัส ไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปแบบสูญเปล่า เพราะเชื่อว่าโอกาสมีอยู่ในทุกสถานการณ์การตลาด เพียงแต่ใครจะมองเห็นและคว้าไว้ได้เร็วและทันแค่ไหน เราจึงลุกขึ้นมาทำแคมเปญการขายในช่วงเวลาที่ท้าทายในช่วงโควิด-19 เพราะในขณะที่ผู้ประกอบการต้องประหยัดเงิน แต่เรายังต้องไปต่อ จึงช่วยกันระดมความคิดคนในองค์กร จนเกิดเป็นแคมเปญ รวมพลคอนโด หั่นราคาต่ำกว่าทุน  ซึ่งแม้ไม่รู้ว่าจะมีการตอบรับที่ดีแค่ไหน และการลงทุนครั้งนี้จะได้อะไรกลับมา แต่สิ่งที่รู้คือเราต้องลองเรียนรู้ไปด้วยกัน” คุณนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ให้ข้อมูลเริ่มต้น

ก่อนบอกต่อ  เน็กซัส จัดแคมเปญต่างๆ ออกมาหลายแคมเปญตลอดช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ณ ปัจจุบัน ประกอบกับมาตรการรัฐที่ยังอยู่ในช่วง Lock Down เพื่อช่วยเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อธุรกิจที่สะดุดในทุกภาคส่วน ดังนั้น เรามีหน้าที่ คิดและปรับเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป อาทิ ปรับมาทำการตลาดการขายแบบ Online กับ แคมเปญ รวมพลคอนโด หั่นราคาต่ำกว่าทุน  ซึ่งหากพูดถึงแคมเปญนี้  มีเวลาทำงานแค่ 2 สัปดาห์ กับความทุ่มเทและพลังงานทั้งหมดของทีมงาน ที่ใส่ใจทำอย่างเต็มกำลัง

“สิ่งที่ทุกคนมักถาม คือ ยอดขายทำได้เท่าไร เราตอบได้เลยว่าในฐานะเอเจนท์  ยอดขายภายใน 2 สัปดาห์ ภายใต้เงื่อนไข คือ ไม่มีงบประมาณ เพราะทางดีเวลลอปเปอร์ ไม่สามารถจัดสรรงบการตลาดให้ได้ ทำให้รายได้ที่จะได้จากแคมเปญนี้ มาจากความพยายามในการปิดการขายให้ได้เท่านั้น ซึ่งยอดขายในแคมเปญนี้ เราทำได้ประมาณ  50 ล้านบาท แต่สิ่งที่มีมูลค่าอีกด้านหนึ่ง ที่เมื่อถูกตีออกมาเป็นราคาน่าจะเกินกว่า 100 ล้านบาท  คือ เรื่อง  Brand และ Team Learning Curve หรือ การเรียนรู้แบบก้าวกระโดด” คุณนลินรัตน์ กล่าวถึงการจัด Online Campaign ที่ผ่านมา

Brand และ Team Learning Curve ที่ถูกตีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเน็กซัส สามารถทำได้ภายใน 2  สัปดาห์ นั้น คืออะไร  คุณนลินรัตน์ ขยายความให้ฟังว่า การเรียนรู้แบบรวดเร็วและเร่งรัด ต้องมี พาร์ตเนอร์ หากจะถามว่าได้อะไรกลับมาบ้างนอกจากยอดขายนั้น

ข้อแรก ได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าจากหลายๆ แบรนด์ ในราคาพิเศษอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และสามารถสอบถามข้อมูลโครงการต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ครบถ้วน ตรงไปตรงมาในที่เดียว ซึ่งประหยัดเวลาในการหาข้อมูลเองไปได้มาก

ข้อที่สอง  โลกจากภายนอก Speed up ด้วยพาร์ตเนอร์ เพราะว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ ดังนั้น การมีพาร์ตเนอร์ที่ดี ทำให้เราไปได้เร็วขึ้น พาร์ตเนอร์ในที่นี้ คือ สื่อมวลชน ดิจิตอลเอเยนซี่ ดีเวลลอปเปอร์ ที่พร้อมประสานงานกับเราแบบทันท่วงที อาทิ การได้ Home.co.th มาช่วยในการเผยแพร่การ live สดขายของให้กับแคมเปญนี้ ล้วนทำได้และผ่านไปด้วยดี เพราะการมีพาร์ตเนอร์ที่ดีนั่นเอง

ข้อที่สาม  ได้เรื่อง Brand Awareness หรือ การรับรู้เกี่ยวกับตัวเน็กซัสเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากเปรียบเป็นกราฟ เรียกได้ว่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีคนรู้จักเน็กซัส เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากสื่อมวลชน มีดีเวลลอปเปอร์ติดต่อเข้ามาเองเกิน 15 ราย อีกทั้งยังได้ฐานลูกค้าในแอพ Line Official เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 2,000 คน Connection เหล่านี้เพิ่มกลับในฝั่ง Soft Side แบบเกินคาด และทำได้ดีภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งจุดนี้ต้องขอบคุณสถานการณ์ที่นำพาให้เราไปได้ถึงจุดหมายได้เร็วแบบ Fast Forward

ข้อสุดท้าย  คือ พนักงานในองค์กร การนำพาองค์กรให้ไปด้วยกันแบบน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าในภาวะวิกฤตใดก็ตาม หากมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่แท้จริง เราจะนำพาองค์กรไปรอดได้ ในขณะที่พนักงานในองค์กรเหนื่อย แต่ไม่ได้รู้สึกกดดัน กลับมีแต่คำว่าสนุก เพราะความเข้าใจ นำไปสู่การ “ใช้ใจทำ” จะเห็นได้ว่าเรามีชิ้นงานโฆษณาออกมาในช่วง 2 สัปดาห์เกินกว่า 30 ชิ้นงาน ซึ่งพนักงานทำกันเองภายใน พนักงานขายต้องพร้อมที่จะวิ่งไปทุกโครงการที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามา ซึ่งในแคมเปญแรกมีกว่า 85 โครงการเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากทุกคนไม่ช่วยกัน

……………..

และนี่คือ อีกตัวอย่างหนึ่งของธุรกิจเอเยนซี่ ที่แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเอง ไม่ได้ผลิตของออกมาขายได้เอง แต่ว่าใช้ Knowhow ที่มี มาพร้อมกับการปรับตัวที่เร็ว มองตัวเองจากภายใน เพื่อให้รู้ว่าอะไรคือตัวตนที่แท้จริงของธุรกิจตัวเอง แล้วเดินหน้าต่อไป