เปิด 5 เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้จ่ายหลังโควิด บริการส่งอาหารเติบโตก้าวกระโดด

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผย 5 เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรชี้ ชีวิตวิถีใหม่เร่งสังคมไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสด บริการส่งอาหารเติบโตก้าวกระโดด

นายฐากร ปิยะพันธ์  ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า “วิกฤตโควิด-19 ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจในวงกว้าง แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ข้อมูลจากฝ่าย Data Intelligence & Customer Insights (DICI) ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในเครือของบริษัท ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนเมษายน 2563 ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ชีวิตวิถีใหม่ (The New Normal) ที่คนไม่ค่อยเดินทางออกนอกบ้าน เร่งให้สังคมไทยก้าวสู่สังคมไร้เงินสด

 

เผย 5 พฤติกรรมการใช้จ่ายหลังโควิด-19 

  1. ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด – ทุกวัยหันมาใช้จ่ายออนไลน์

จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตร ชี้ให้เห็นว่าช่วงมีนาคมถึงเมษายน 2563 จำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตที่ทำรายการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เฉลี่ยต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นถึง 37% โดยในจำนวนนี้ 10% เป็นผู้ใช้รายใหม่ ทั้งนี้ พบว่า ทุกวัยมีแนวโน้มใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น  แม้ว่ากลุ่มผู้ใช้ที่มีจำนวนมากที่สุดจะเป็นกลุ่ม Gen Y แต่กลุ่ม Baby Boomers ก็ปรับตัวมาใช้ช่องทางดิจิตอลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหมวดบริการส่งอาหาร และการช็อปปิ้งออนไลน์ โดยพบว่ากลุ่ม Baby Boomer มีจำนวนครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในบางแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า แสดงให้เห็นว่า ชีวิตวิถีใหม่เป็นตัวเร่งให้สังคมไทยก้าวสู่ยุคสังคมไร้เงินสด

  1. กิน ช็อป ออนไลน์ ชีวิตต้องง่าย แค่ปลายนิ้ว – ยอดช็อปปิ้งออนไลน์ บริการส่งอาหาร เติบโตก้าวกระโดด

ในช่วงที่ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ไม่สามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบ ผู้บริโภคเริ่มปรับตัว คุ้นชินกับวิถีชีวิตที่ง่าย สะดวกสบาย นิยมการสั่งอาหาร ช็อปปิ้งผ่านทางออนไลน์ เห็นได้จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดดังกล่าวในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 2563 ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยหมวดช็อปปิ้งออนไลน์มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนมีนาคม และ 75% ในเดือนเมษายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่วนบริการส่งอาหาร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรในเดือนมีนาคมและเมษายนเพิ่มขึ้น ถึง 300% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ช่วงเวลาการสั่งอาหารก่อนเที่ยงมีการเติบโตขึ้นมากจากก่อนหน้าช่วงโควิด น่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของคำสั่งซื้อในช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมง ทั้งนี้ พบว่า 92% ของลูกค้ามักใช้บริการผู้ให้บริการเพียงรายเดียว มากกว่าจะเปลี่ยนผู้ให้บริการไปมา เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ แบรนด์ผู้ให้บริการที่ควรเร่งสร้าง brand loyalty ในหมู่ลูกค้า

  1. เว้นระยะห่าง แต่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี – อินกับอุปกรณ์ไอที และความบันเทิงออนไลน์

จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตร พบว่า หมวดอุปกรณ์ไอที มียอดใช้จ่ายสูงขึ้น ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ก่อนที่จะเริ่มลดลงในเดือนเมษายน เนื่องจากนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้หลายบริษัทให้พนักงาน Work from Home  โดยกลุ่มที่มียอดใช้จ่ายในหมวดนี้สูงสุด คือ กลุ่ม Gen Y นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดความบันเทิงออนไลน์ เช่น บริการสตรีมมิ่ง เกมออนไลน์ โซเชียลมีเดียในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2563 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เทียบกับค่าเฉลี่ยยอดใช้จ่ายในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

  1. เน้นใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น – ยอดใช้จ่ายหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต เติบโตต่อเนื่อง

วิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง แต่หันมาใช้จ่ายในหมวดสินค้าจำเป็นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ หมวดที่ได้รับผลกระทบ คือ หมวดสายการบิน หมวดโรงแรมและหมวดท่องเที่ยว ซึ่งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรลดลงถึง 100%, 89% และ 66% ตามลำดับในเดือนเมษายน 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหมวดร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสินค้าแฟชั่น ลดลง 85%, 72% และ 77% ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม หมวดซุปเปอร์มาร์เก็ต ในเดือนมีนาคม เติบโตถึง 34% และมียอดใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยเติบโตถึงสองเท่า เทียบกับยอดเมื่อปีที่ผ่านมา สำหรับพฤติกรรมการซื้อเห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนไป โดยลูกค้าจำนวนมาก ใช้จ่ายในหมวดนี้ ก่อนเที่ยง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และมีจำนวนการใช้จ่ายลดลงหลังสองทุ่ม ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ราว 15% ในเดือนมีนาคม และมีการซื้อจำนวนมากในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนมีนาคม เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งซื้อเพื่อกักตุนสินค้า ก่อนจะลดลงในเดือนเมษายน โดยยอดใช้จ่ายในหมวดนี้ในเดือนเมษายน เติบโต 2% และมียอดใช้จ่ายรายวัน ใกล้เคียงกับยอดใช้จ่ายรายวันของปีที่ผ่านมา

  1. สนใจการออมและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น – ยอดใช้จ่ายหมวดกองทุนรวมพุ่ง

ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดกองทุนรวม เพิ่มขึ้น 196% ในเดือนมีนาคม และ 157% ในเดือนเมษายน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้เพื่อซื้อกองทุน SSF และยอดใช้จ่ายเพื่อชำระเบี้ยประกันกรมธรรม์ควบการลงทุน แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ หันมาให้ความสำคัญกับการออม และการลงทุน เพื่อความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น