กพร. รุกใช้”โดรน”ดูแลเหมืองแร่หินปูน-ยิปซัม

นายสมบูรณ์ ยินดียั่งยืน อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) กล่าวว่า การดำเนินงานกำกับดูแลการประกอบการเหมืองแร่พบข้อจำกัดด้านงบประมาณและบุคลากร ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบการเหมืองแร่ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งในแง่ของการควบคุมการทำเหมืองให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต และควบคุมการลักลอบทำเหมืองโดยผิดกฎหมาย กพร.จึงได้มีการนำเทคโนโลยีการรังวัดสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) มาใช้สนับสนุนในการตรวจสอบกำกับดูแลกิจการการทำเหมืองแร่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ขจัดปัญหาการเข้าถึงพื้นที่ที่เข้าถึงยาก หรือพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น บริเวณหน้าผาสูงชัน หรือในบ่อเหมืองที่มีการทำงานของเครื่องจักรขนาดใหญ่อีกทั้งข้อมูลที่ได้จากการสำรวจเป็นข้อมูลแบบเป็นปัจจุบัน สามารถช่วยในการตัดสินใจหรือแก้ปัญหาตามสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ปัจจุบันมีการใช้งานอากาศยานไร้คนขับ 2 ประเภท คือ อากาศยานไร้คนขับแบบปีกตรึง และอากาศยานไร้คนขับแบบปีกหมุน ซึ่งทั้ง 2 ประเภทมีข้อแตกต่างของคุณลักษณะในการปฏิบัติงาน กล่าวคือ อากาศยานไร้คนขับแบบปีกตรึงจะสามารถปฏิบัติงานได้ยาวนานกว่า สามารถปฏิบัติงานได้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าในแต่ละรอบการบิน ในขณะที่แบบปีกหมุนมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เป็นแนวดิ่งได้มากกว่า ดังนั้นการใช้งานอากาศยานไร้คนขับแต่ละประเภทต้องคำนึงถึงขนาดพื้นที่และสภาพภูมิประเทศที่ต้องการสำรวจรังวัดสำรวจ

“ล่าสุด กพร.ได้นำร่องใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับดังกล่าวในพื้นที่เหมืองหินปูน จังหวัดสระบุรีเหมืองแร่ยิปซัม จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร เหมืองแร่แคลไซต์จังหวัดลพบุรี และเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร รวมพื้นที่ประทานบัตรประมาณ 50 แปลง โดยเชื่อมั่นว่าการนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับมาช่วยในการตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการการทำเหมืองแร่ จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจการกำกับดูแลด้านต่างๆ อาทิ กำกับดูแลการประกอบการเหมืองแร่ที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม การใช้เป็นข้อมูลเพื่อการประเมินความถูกต้องในการชำระค่าภาคหลวง การตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบพื้นที่สถานประกอบการเพื่อป้องกันการทำเหมืองออกนอกเขต และการกำกับดูแลการออกแบบพื้นที่เพื่อการฟื้นฟูเหมืองหลังเสร็จสิ้นการทำเหมือง “นายสมบูรณ์กล่าว

 

 

ที่มา มติชน