พระบรมฯทรงแนะ บัณฑิตมธ. รู้จักความเป็นครู

สมเด็จพระบรมฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมธ. ยกพระบรมราโชวาทให้รู้จักความเป็นครูถ่ายทอดเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นมีความรู้ความเข้าใจดี ขอพระบารมีในหลวงในพระบรมโกศคุ้มครองรักษาทุกท่าน พสกนิกรปลื้มปีติ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จประทานผ้าถุงดำ ให้ประชาชนที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ยืมใส่เปลี่ยนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้แต่งกายเหมาะสม ขณะที่คลื่นพสกนิกรหลั่งไหลเข้าถวาย สักการะโดยสำนักพระราชวังสรุปยอด 14 วัน 4 แสนคน ศิริราชจัดใหญ่วันนี้แปรอักษรแสดงความอาลัย

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 พ.ย. ม.จ. จุลเจิม ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 30 ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลา รามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 11 พ.ย.

เวลา 07.30 น. สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. หลังสำนักพระราชวังปิดการเข้าสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 31,002 คน รวม 14 วันมี 407,328 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,538,860 บาท รวม 14 วันเป็นเงินทั้งสิ้น 26,907,075 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 15 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.00- 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่าง เป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนที่มากราบสักการะพระบรมศพต่างอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอก ซึ่งหลังจากเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

เมื่อเวลา 10.50 น. นายวิคเตอร์ อเดโอล่า ประธานสมาคมชาวไนจีเรียที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และผู้แทนสมาคมชาวไนจีเรียที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ประกอบด้วย ดร.ลอยด์ นวาฟอร์ นายบูชิ คริสโตเฟอร์ โอคาฟอร์ บาทหลวงริชาร์ด โอคาฟอร์ และนายคิงสลีย์ คาบูรู มาลงนามในสมุดหลวงถวายความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

เวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ทรงเป็นประธานในการบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิน ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

จากนั้นเวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร รวม 8 รูป สวดพระอภิธรรม

เวลา 16.00 น. สำนักพระราชวังได้ยุติการให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว และเปลี่ยนทางเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จากประตูมณีนพรัตน์มาเป็นประตูวิเศษไชยศรี โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงหลั่งไหลมาสักการะพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนที่เข้ามาสักการะพระบรมศพเดินเรียง 4 แถวอย่างเป็นระเบียบผ่านประตูพิมานไชยศรี และยืนตั้งแถวรอหน้าบริเวณพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าสักการะพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดยมีหน่วยกู้ภัย ลูกเสือ และเนตรนารี คอยให้บริการเข็นรถเข็นให้ผู้สูงอายุและ ผู้พิการที่เข้าสักการะพระบรมศพด้วย ซึ่งประชาชนที่ได้เข้าสักการะพระบรมศพต่างมีสีหน้าเศร้าโศก บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ และถือพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอก

ต่อมาเวลา 16.40 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เสด็จยังรถโรงครัวเคลื่อนที่ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก บริเวณหน้ากรมศิลปากร เพื่อทรงทอดไก่ประทานแจกจ่ายพร้อมข้าวเหนียว รวมถึงเมนูข้าวจี่ให้กับประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ โดยมีประชาชนมารอเฝ้าฯ รับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมีจำนวนมาก

ทางมูลนิธิเตรียมไก่ 1,200 กิโลกรัม ข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม โดยมีนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สาขาอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ 40 คน มาช่วยทอด นายทหารกองพันทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ 10 นาย รับผิดชอบเรื่องหุงข้าวเหนียว และนักเรียนโรงเรียนจิตรลดา 12 คน รับผิดชอบบรรจุห่อ

โอกาสนี้ ชมพู่ อารยา เอ. ฮาร์เก็ต นักแสดงชื่อดัง เป็นตัวแทนกลุ่มย้อมผ้าเพื่อเพื่อน ทูลเกล้าฯ ถวายเสื้อผ้าที่ย้อมสีดำ จำนวน 100,000 ตัว เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ขาดแคลนเสื้อผ้า ทั้งนี้ทรงมีรับสั่งกับดาราสาวว่า “ขอบใจที่นำเสื้อมาบริจาค หลายคนไม่มีสตางค์ การแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดี” จากนั้นทรงมีพระเมตตาห่วงใยถามว่า “เหนื่อยไหม” โดยชมพู่ถวายรายงานว่า “ไม่เหนื่อยค่ะ”

ด้าน กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดัง ที่ได้มาร่วมตั้งบูธจิตอาสา “ยืมผ้าเพื่อกราบพ่อ” บริเวณท้องสนามหลวง ได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล จำนวน 20,000 บาท เพื่อสมทบทุนซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารต่อไป โดยกาละแมร์ถวายรายงานว่า เมื่อเช้ามาต่อแถวรับข้าวเหนียวไก่ทอด 30 ห่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ จิตอาสายืมผ้าเพื่อกราบพ่อได้รับประทาน ทั้งนี้ทรงมีรับสั่งว่า “ดีแล้ว จิตอาสาจะได้มีกำลังใจ เพราะตอนนี้คนมาช่วยงานเยอะมาก ทั้งตำรวจทหาร ป่อเต็กตึ๊ง และประชาชน มาช่วยกันเยอะ”

นายพิภพ เลไธสง อายุ 58 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี พิการขาและแขนลีบมาแต่กำเนิด หัวหน้ากลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการ อ.กบินทร์ บุรี จ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า กลุ่มพัฒนาอาชีพคนพิการได้โยกรถออกจากหน้าโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. เวลา 09.00 น. ประกอบด้วย รถโยก 9 คัน วีลแชร์ 1 คัน และคนตาบอด 1 คน มาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 20.00 น. โดยมีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์คอยอำนวยความสะดวก พวกเราอยากให้พระองค์รับรู้ว่า แม้จะเป็นคนพิการ แต่พวกเราก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ระหว่างทางไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อใจเลย แม้พวกเราจะไม่ได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่แค่ได้กราบสักการะอยู่ด้านล่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจแล้ว พวกเราได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย

ด้านนายสมเกียรติ แซ่โง้ว อายุ 83 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ที่มาสักการะพระบรมศพเพียงคนเดียว กล่าวว่า เมื่อคืนตนขึ้นรถไฟฟรีจาก อ.ท่าชนะ ในเวลาประมาณ 19.00 น. มาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ 04.00 น. แล้วนั่งรถเมล์มาถึงสนามหลวงประมาณ 08.00 น. แม้จะเดินทางมาคนเดียวก็ไม่รู้สึกกลัวและ ไม่เหนื่อยเลย เพราะคิดอย่างเดียวว่าต้องมากราบสักการะพระบรมศพพระองค์ให้ได้ คืนนี้ตนจะนอนค้างที่หัวลำโพง เพื่อรอรถไฟฟรีกลับสุราษฎร์ธานีในวันพรุ่งนี้

เวลา 19.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารและวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร รวม 8 รูป สวดพระอภิธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 12 พ.ย. ประกอบด้วย มื้อเช้าเวลา 07.00 น. มีก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ 1,500 ถ้วย นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน 11.00 น. ข้าวแกงส้มไข่เค็ม 4,000 ชุด ข้าวน้ำพริกนครบาลไข่ต้ม 1,650 ชุด มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ซาลาเปาหมูแดงสับ 1,000 ชิ้น เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 น. ข้าวแกงกะหรี่ไก่-กุนเชียง 1,500 จาน ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู 1,500 ชาม ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชน ตลอดทั้งวัน

โดยมีนักเรียนจากมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 20 คน มาเป็นจิตอาสาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จมายังเต็นท์ปะรำพิธีหน้าประตูวิเศษไชยศรี เพื่อประทานผ้าถุงดำทรงออกแบบ ถุงผ้าใส่รองเท้า และเข็มกลัดโบว์ไว้ทุกข์ ให้ประชาชนยืมสวมใส่อย่างถูกต้องตามจารีต เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับผ้าถุงดำทรงออกแบบแพตเทิร์นด้วยพระองค์เอง และได้ประทานแพตเทิร์นทรงออกแบบให้กับแบรนด์เสื้อชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ Asava, Disaya, Fly Now, Greyhound, Issue, Itmon, Kem Issara, Kloset, Milin, Sirivannavari, Sretsis, Tango, Tirapan, Theater, Tube Gallery, Vatanika, VK Jeans, Vickteerut ในการผลิตตัดเย็บ โดยผ้าถุง ทรงออกแบบดังกล่าว เป็นผ้าถุงทรงตรงที่ดัดแปลงเล็กน้อยให้สวมใส่ง่าย ยาวครึ่งน่อง ตัดเย็บด้วยผ้าสีดำล้วน ไม่มีลวดลาย 1,500 ชิ้น ถุงผ้าสีดำสำหรับเด็ก 1,500 ชิ้น ส่วน เข็มกลัดโบว์สีดำ ตรงกลางประดับเหรียญหนึ่งบาท จะแจกจ่ายแก่ชาวต่างชาติได้ร่วมแสดงความอาลัย 3,500 ชิ้น

ทั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริ วัณณวรีนารีรัตน์ รับสั่งว่า ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าประชาชนที่เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น ต่างก็มาจากทั่วประทศ บ้างก็แต่งกายมาไม่เหมาะสม ด้วยความ ไม่รู้แจ้ง บ้างก็ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการจัดหาเสื้อผ้าที่ถูกต้องตามจารีต จึงทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยไม่ได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอยากช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาเหล่านั้น ให้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพตามความตั้งใจ โดยข้าพเจ้าได้ออกแบบกระโปรงผ้าสีดำที่เหมาะสมในการเข้าเขตพระราชฐาน แล้วได้ชักชวนบรรดาแบรนด์เสื้อผู้มีจิตกุศลทั้งหลายมาช่วยกันผลิต เพื่อให้ประชาชนผู้มาเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพได้ยืมใส่อย่างเหมาะสม ก่อนที่จะเข้าไปยังเขตพระราชฐาน

ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร สมาคมศิษย์เก่าคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ และคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ จัดกิจกรรม “ศิลปากร รวมใจถวายพ่อหลวง” โดยภายในงานมีการนักศึกษาเก่าและปัจจุบันของคณะดังกล่าว รวมกลุ่มกันเขียนภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดจนพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ลงบนกระดานไม้อัดขนาด 2.40×2.40 เมตรจำนวน 89 ภาพ ติดตั้งบริเวณรอบอนุสาวรีย์ศาตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าชม และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกและสำนึกถึงในพระมหากรุณาธิของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร มีการแสดงดนตรีเครื่องเป่า ทองเหลือง เพลงพระราชนิพนธ์จากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ร่วมเขียนภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประกอบการแสดงดนตรี ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจร่วมเข้าชมการแสดงจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 13 พ.ย. เวลา 16.00 น. บริเวณหน้าลานศาลาศิริราช 100 ปี ร.พ.ศิริราช จัดซ้อมแปรอักษร ๙ กิจกรรมน้อมดวงใจชาวศิริราช ตามรอยพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับกองทัพเรือ (โดยฐานทัพเรือกรุงเทพ) จัดกิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกในพระมหา กรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างหาที่สุดมิได้ โดยจะมีบุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตบางกอกน้อย กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพ และประชาชนร่วมในพิธี นอก จากนี้ วงดนตรีกองดุริยางค์ทหารเรือนำเครื่องดนตรีมา 130 ชิ้น และ 160 ชีวิตจะบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ และเวลา 18.00 น. จะเริ่มจุดเทียนสีขาว เพื่อแสดงความอาลัยพร้อมกัน ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญ พระบารมี และเพลงความฝันอันสูงสุด ทั้งนี้ อยากเชิญชวนประชาชน ให้มาร่วมงาน เพื่อเทิดพระเกียรติ โดยประชาชนที่จะมาร่วมไว้อาลัย ทางร.พ.ศิริราชขอความร่วมมือให้แต่งกาย สีดำล้วน เพื่อความสวยงามในการบันทึกภาพประวัติศาสตร์

พระบรมพระราชทานปริญญามธ.

เมื่อเวลา 17.39 น. วันที่ 12 พ.ย. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ประจำปีการศึกษา 2558 ซึ่งมี ศ.นรนิติ เศรษฐบุตร นายกสภา มธ., ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. ตลอดจนกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร คณาจารย์ บัณทิต และนักศึกษา เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ

การนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ จากนั้นประทับพระราชอาสน์ ศ.สมคิดกราบบังคมทูลรายงานกิจการของ มธ. ก่อนพระราชทานพระราโชวาท ความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้ามามอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประจำปีนี้

“ตามที่รายงานให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายที่จะสร้างเสริมให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถที่ก้าวหน้า ทันการณ์ ทันสมัย และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและ ส่วนรวม โดยยึดถือปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทนั้น น่าพอใจอย่างมาก ข้าพเจ้าจึงขอเชิญพระบรมราโชวาทที่เคยพระราชทานแก่บัณฑิตในที่ประชุมนี้เกี่ยวกับความเป็นครู ซึ่งเป็นคุณสมบัติประการสำคัญที่จะส่งเสริมบุคคลให้เป็นคนดีมีคุณค่า ให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่า ความเป็นครูหมายถึงการมีความรู้ดีประกอบด้วยหลักวิชาที่ถูกต้องแน่นแฟ้นและแจ่มแจ้งแก่ใจ รวมทั้งคุณความดีและความเอื้ออารี ปรารถนาที่จะถ่ายทอดเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้มีความรู้ความเข้าใจที่ดีด้วย ความแจ่มแจ้งแน่ชัดในใจย่อมทำให้สามารถ ส่องแสดงความรู้ออกมาให้เข้าใจตามได้โดยง่าย ทั้งในการปฏิบัติงานก็ย่อมทำให้ผู้ร่วมงานได้เข้าใจโดยแจ่มชัด ส่วนความหวังดีโดยบริสุทธิ์ใจนั้น จะน้อมนำให้เกิดศรัทธาแจ่มใสมีใจพร้อมที่จะรับความรู้ด้วยความเบิกบาน ทั้งพร้อมที่จะร่วมงานกับผู้ที่มีคุณสมบัติของครูโดยเต็มใจและมั่นใจ ดังนี้ ก็จะทำให้กิจการใดๆ ที่กระทำอยู่ ดำเนินไปโดยสะดวกราบรื่นและสำเร็จประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสมบูรณ์ ความเป็นครูจึงมิใช่คุณสมบัติเฉพาะสำหรับครูเท่านั้น หากแต่เป็นคุณสมบัติที่จะอำนวยประโยชน์เกื้อกูลมาก แก่ทุกคนและแก่กิจการทุกอย่าง บัณฑิตทั้งหลายแต่ละคนแต่ละคณะ ล้วนเป็นผู้มีพื้นฐานวิชาการแน่นแฟ้นดีอยู่แล้ว น่าจะศึกษาเรื่องความเป็นครูให้เห็นจริง และอบรมให้บังเกิดขึ้นพร้อมในตนเองบ้าง เพื่อประโยน์ส่วนรวมร่วมกันในชาติ บ้านเมืองของเรา

“ขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร จงคุ้มครองรักษาทุกท่านทุกคนให้มีแต่ความสุขความเจริญสวัสดี ข้าพเจ้าขอมอบปริญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

เวลาต่อมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตภาคแรก จำนวน 1,686 รายตามลำดับ บัณฑิตกล่าวคำปฏิญาณ ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ก่อนเสด็จฯ เข้าสู่ห้องรับรองที่ประทับ เพื่อประทับพักพระอิริยาบถตามพระราชอัธยาศัย

กระทั่งเวลา 20.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกจากห้องรับรองที่ประทับ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตภาคหลัง จำนวน 1,728 รายตามลำดับ บัณฑิตกล่าวคำปฏิญาณ ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ก่อนเสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต