โควิด-19 พ่นพิษ! ทำคนว่างงานเดือน เม.ย. พุ่งเกือบ 300,000 ราย 

ภาพจาก มติชนออนไลน์

โควิด-19 พ่นพิษ! ทำคนว่างงานเดือน เม.ย. พุ่งเกือบ 300,000 ราย

นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เผย ผลการขึ้นทะเบียนใช้สิทธิ์กรณีว่างงานออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://empui.doe.go.th กับกรมการจัดหางาน เดือนเมษายน 2563 จำนวน 267,351 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.82 จากเดือนมีนาคม ที่มีผู้มาขึ้นทะเบียน จำนวน 144,861 คน โดยผู้ที่ถูกเลิกจ้างงานโดยมีสาเหตุมาจากนายจ้าง/สถานประกอบการต้องปิดกิจการ เพราะผลกระทบจากการแพร่กระจายของโรค โควิด-19 จะได้รับเงินชดเชย 70% ของค่าจ้างที่เคยได้รับ ระยะเวลาที่จ่ายจะไม่เกิน 200 วัน หากเป็นการว่างงานจากการลาออกเอง จะได้รับเงิน ในอัตรา 45% ของค่าจ้างที่เคยได้รับและระยะเวลาที่จ่ายจะไม่เกิน 90 วัน

สำหรับผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 พบว่า มีจำนวนผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 56.77 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน หรือพร้อมที่จะทำงาน 38.21 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีงานทำ 37.33 ล้านคน และผู้ว่างงาน 3.92 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.0 ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 18.56 ล้านคน เช่น แม่บ้าน นักเรียน และผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์แรงงานช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว จำนวนผู้มีงานทำลดลง 4.4 แสนคน ผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 4.6 หมื่นคน ขณะที่ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 1.15 แสนคน รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

อธิบดีกรมการจัดหางาน  กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งจากรายงานจำนวนผู้ขึ้นทะเบียนขอใช้สิทธิ์กรณีว่างงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ และความร่วมมือของผู้ประกอบการภาคธุรกิจและประชาชนที่ร่วมมือกับรัฐ ในการพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมการจัดหางานมิได้นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญในการหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาประชาชน โดยจะเร่งหาแนวทางส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน และวิเคราะห์ทิศทางของตลาดแรงงานในอนาคต เพื่อส่งเสริมทักษะของแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานที่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไปหลังภาวะวิกฤตโควิด-19 เบาบางลง