LINE แนะ ธุรกิจไทยเร่งปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนจากวิกฤตโควิด-19

LINE แนะ ธุรกิจไทยเร่งปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนจากวิกฤตโควิด-19

LINE- LINE ประเทศไทย จัดงาน LIVE EVENT LINE FOR BUSINESS ภายใต้หัวข้อ ‘THAILAND NOW AND NEXT AFTER COVID-19 พฤติกรรมผู้บริโภคไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไรหลังสถานการณ์โควิด-19’  อีเว้นต์ออนไลน์ที่เน้นติดอาวุธให้ธุรกิจไทยก้าวผ่านช่วงภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ประเทศไทย ร่วมกับนักการตลาดชั้นนำ เผยข้อมูลวิเคราะห์การตลาดและกลยุทธ์ธุรกิจต่างๆ ให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือและปรับตัวได้ ผ่านช่องทาง LINE Official Account: @Linebizth เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมรับชมอย่างล้นหลามรวมมากกว่า 300,000 คน

โดยในช่วงแรก คุณสมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวรในหัวข้อ ‘Next for Thais : เทรนด์ผู้บริโภคไทยในก้าวต่อไปหลังสถานการณ์โควิด-19’ โดยการกักตัวอยู่บ้านได้เปลี่ยนพฤติกรรมการรับสื่อและการบริโภคของผู้คนไปเน้นช่องทางออนไลน์มากขึ้น และมีแนวโน้มจะกลายเป็นพฤติกรรมถาวรแม้สถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นในอนาคต 

“ความต้องการซื้อสินค้าที่จำเป็นผ่านออนไลน์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้ามากขึ้น มีความอ่อนไหวด้านราคาลดน้อยลง จึงเป็นโอกาสของการแข่งขันด้านคุณภาพ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ เช่นผู้สูงอายุก็นิยมซื้อสินค้าออนไลน์สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการจะใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและอีคอมเมิร์ซในธุรกิจ เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มจะโตอย่างต่อเนื่อง และจะกลายเป็น ‘New Normal’ หรือ ‘ความปกติในรูปแบบใหม่’ แม้ภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม” 

การสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น รวมถึงใช้แอพพลิเคชั่นออกกำลังกายหรือเกี่ยวกับสุขภาพกลายมาเป็นตัวเลือกสำคัญในช่วงการเว้นระยะห่างทางสังคมและทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อีกทั้งแบรนด์และสินค้าในประเทศเองก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าที่ไม่ต้องส่งระยะไกลหรือใช้เวลานาน จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและแบรนด์สินค้าไทยที่จะผลักดันสินค้าตัวเองมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียยังได้กลายเป็นสื่อกระแสหลักและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค กลายมาเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญ โดยพบว่าคนมีพฤติกรรมเข้าไปอ่านข่าวสารโดยเฉลี่ยถึง 12 ครั้งต่อสัปดาห์ 

“ผู้ประกอบการต้องปรับตัวจากโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ เพื่อตอบรับพฤติกรรมถาวรใหม่นี้ อีกทั้งควรต้องขยายพื้นที่ในการให้บริการและระบบการขนส่งให้ครอบคลุมขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้โซเชียลมีเดียที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวันเป็นช่องทางหลักในการทำธุรกิจต่อไป” คุณสมวลี กล่าว

นอกจากเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคไทยโดยรวมแล้ว ด้านแพลตฟอร์มที่ให้บริการคนไทยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่าง LINE ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย โดยในช่วงการพูดคุยในหัวข้อ ‘Now on LINE’ คุณพฤทธิสิทธิ์ ประทีปะวณิช หัวหน้าฝ่ายจัดการแพลตฟอร์มและบริการ LINE ประเทศไทย ได้เผยว่า ด้วยความที่ LINE สามารถตอบโจทย์การใช้งานคนไทยได้ในหลายมิติ ทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต การติดตามข้อมูลข่าวสาร และเพื่อความบันเทิง ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าคนไทยมีการโทรผ่าน LINE มากขึ้น ทั้งการใช้บริการโทรฟรีและวิดีโอคอลผ่าน LINE ที่เพิ่มขึ้นกว่า 236% และ 270% ตามลำดับ ในช่วงเดือนมีนาคม เนื่องจากมีการเพิ่มฟีเจอร์แชร์หน้าจอระหว่างการโทร ที่ LINE ตั้งใจพัฒนามาเพื่อสนับสนุนการทำงานจากที่บ้านในสถานการณ์ดังกล่าว

คุณกณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญของคอนเทนต์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพูดถึง LINE TODAY ที่ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักของคนไทยในการรับข่าวสารที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ท่ามกลางข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมากมายที่อาจสร้างความสับสน โดย LINE ได้เพิ่มแท็บข่าว ‘โควิด-19’ โดยเฉพาะบน LINE TODAY เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคไทยในสถานการณ์นี้ และพบว่ามีการเข้ามาอ่านเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

ในด้านของ LINE TV ผู้บริโภคไทยบน LINE TV มีพฤติกรรมการรับชมที่เปลี่ยนไปคือรับชมผ่านจอใหญ่มากขึ้นถึง 42% ในเดือนมีนาคม เนื่องจากคนไทยเข้าสู่สภาวะการทำงานที่บ้าน ทำให้เกิดเทรนด์การดู LINE TV ร่วมกับครอบครัวมากขึ้นและนานขึ้น ต่อมาคือความนิยมของซีรีส์วาย (ชายรักชาย) ที่เติบโตสูงถึง 5 เท่า โดยมีกลุ่มผู้ชมหลักคือผู้หญิงวัย 18-34 ปี แต่สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มผู้ชมที่อันดับรองลงมาเป็นกลุ่มผู้หญิงวัย 55 ขึ้นไป แสดงให้เห็นว่าการดูคอนเทนต์ LINE TV ร่วมกับครอบครัว ได้ส่งผลให้กลุ่มคนสูงอายุสามารถเข้าถึงและเปิดรับคอนเทนต์แนวใหม่ได้มากขึ้นไปด้วย โดยคุณกณพ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เราพบว่าหลังจากที่เด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน และต้องอยู่บ้าน คอนเทนต์ที่เติบโตคือแอนิเมชั่น โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เทียบกับกุมภาพันธ์แล้วนั้น มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 33% และพบว่าวันศุกร์กลายมาเป็นวันที่มีอัตราการรับชมเติบโตสูงที่สุด คือสูงขึ้นถึง 56% สิ่งนี้บ่งบอกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ของเด็กๆ กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 3 วัน”  

คุณกณพ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า LINE มุ่งจะเรียนรู้สถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดให้เร็วที่สุด เพื่อจะเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เพื่อนำเสนอบริการให้ตอบสนองคนไทยให้ดีที่สุดต่อไป