นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมค้าปลีกมีสัดส่วน 12% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือคิดเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์เป็นอันดับ 2 หากพิจารณาในแง่การลงทุนพบว่า ธุรกิจศูนย์การค้ามีอัตราการลงทุนรวมประมาณ 70,000 – 100,000 ล้านบาทต่อปี เทียบเท่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ สมาคมฯจึงอยากให้ภาครัฐกระตุ้นนโยบายเพื่อส่งเสริมการบริโภคให้มากขึ้น โดยให้มีการทบทวนนโยบายลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมที่ภาคเอกชนพยายามผลักดันมาตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนจากหน่วยงานรัฐ

นางสาววัลยา กล่าวว่า การลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมให้ใกล้เคียงกับสิงคโปร์และฮ่องกง จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายมากขึ้น คาดว่าจะทำให้มีรายได้เจ้าประเทศเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท ในทางกลับกัน ปัจจุบันพบว่าคนไทยไปจับจ่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะซื้อสินค้าแบรนด์เนมปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท หากไทยลดกำแพงภาษีสินค้านำเข้าลงจะทำให้มีการซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศเพิ่มขึ้น และจะทำให้ไทยเป็นเดสทิเนชั่นด้านการช้อปปิ้งในอาเซียน แข่งขันในตลาดโลกได้ สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวที่ภาครัฐกำลังดำเนินการด้วย

“ทำอย่างไรจะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่าทำอย่างไรให้คนไทยซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศแทนที่จะทุ่มเงินไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่ต่างประเทศปีละ 50,000 ล้านบาท จึงมองว่าภาครัฐควรส่งเสริมโดยการลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมเช่นเดียวกับสิงคโปร์และฮ่องกง”

ที่มา มติชน