กว่าจะเป็น “จอมยุทธ์16” ก้าวข้ามวิกฤตยังไง ให้กลายเป็นแบรนด์น้ำจิ้มลูกชิ้นเบอร์ 1 ของไทย 

กว่าจะเป็น “จอมยุทธ์16” ก้าวข้ามวิกฤตยังไง ให้กลายเป็นแบรนด์น้ำจิ้มลูกชิ้นเบอร์ 1 ของไทย

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แน่นอนว่าธุรกิจรายเล็ก หรือ เอสเอ็มอี หากไม่แข็งแกร่งและสายป่านไม่ยาวพอ ย่อมซวนเซ แต่ในวิกฤติใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพียงแค่บางครั้งอาจต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้น หรือปรับมุมมองเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาส

“คุณปอร์เช่-สุดรดา สิทธิกิติกูล” เจ้าของแบรนด์น้ำจิ้มลูกชิ้น “จอมยุทธ์16 ที่เริ่มก่อร่างสร้างธุรกิจเล็กๆ มาจากการลองผิดลองถูก ฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่น ทำให้นำพาธุรกิจเล็กๆ ก้าวข้ามวิกฤติมาได้ และขยายงานจนเติบโต กลายเป็นโรงงานผลิตน้ำจิ้มลูกชิ้น “เบอร์หนึ่ง” ในตลาด ที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 100 ตันต่อวัน

“เราไม่ได้สนใจโลกภายนอกมากนัก แต่โฟกัสที่ธุรกิจของเรามากกว่า ว่าตอนนี้สินค้าของเราดีพอหรือยัง มีอะไรที่ทำได้ดีกว่านี้อีกหรือไม่ เราแทบไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดี เศรษฐกิจแย่ เราเชื่อว่ายังมีช่องทางให้เอสเอ็มอีเติบโตอีกเยอะ ไม่ต้องมองถึงตลาดต่างประเทศ เอาแค่ในประเทศไทยตอนนี้ยังขายให้ไม่ครบทุกคนเลย ซึ่งจริงๆ ยังมีช่องทางอีกมากมาย”

คุณปอร์เช่ ยังเล่าถึงการพาน้ำจิ้มจอมยุทธ์ 16 ก้าวข้ามวิกฤติซึ่งเกือบทำให้แบรนด์หายไปจากตลาดว่า หลังจากลองผิดลองถูกมาจนธุรกิจตั้งหลักได้สักระยะหนึ่ง จึงสั่งเครื่องจักรบรรจุน้ำจิ้มอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยสามารถห่อฟิล์มเป็นถุงบรรจุน้ำจิ้มออกมาได้เลย ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้และโรงงานก็ไม่มีแผนสำรอง เพราะไม่คิดว่าเครื่องจักรใหม่จะมีปัญหา จึงไม่สามารถผลิตสินค้าได้ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์บริษัท โรงงานต่างๆ หยุดงานกันหมด ประจวบเหมาะกับเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดน้ำจิ้มลูกชิ้นมากขึ้น เมื่อสินค้าขาดตลาด จึงเท่ากับเปิดช่องให้มีการปล่อยข่าวลือ “จอมยุทธ์ เจ๊งแล้ว”

ก่อนเล่าต่อว่า ยังมีปัญหาตามมาให้แก้ เมื่อทุกฝ่ายเตรียมพร้อมเดินหน้าผลิตและเตรียมขนส่ง ปรากฏว่าไฟฟ้าดับ ต้องนั่งแก้ปัญหากันอีกรอบจนไฟฟ้าติด แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เครื่องผลิตมีปัญหาใบมีดที่ตัดถุงน้ำจิ้มหัก ไม่มีช่างซ่อม ไม่มีอะไหล่ เพราะไม่มีร้านไหนเปิดช่วงสงกรานต์

 

“นาทีนั้น รู้สึกว่าเราคงเจ๊งจริงๆ แล้ว ปิดเครื่องไม่ต้องทำงาน คงไม่มีจอมยุทธ์แล้วแน่นอน คู่แข่งเกิดขนาดนั้น แต่เราเป็นเจ้าตลาดไม่มีสินค้าส่งไปวาง ลูกค้าก็เริ่มเชื่อข่าวลือว่าเราเจ๊ง เลยมองมุมกลับถ้าจะเจ๊งก็ขอไว้ลายจอมยุทธ์ไปเลย ลุกขึ้นไปปรุงน้ำจิ้มแบบที่ไม่คิดถึงต้นทุน ซัดวัตถุดิบเต็มที่ ปรับสูตรใหม่หมด หลังจากสงกรานต์เอาน้ำจิ้มสูตรนี้ออกขาย ปรากฏว่าสินค้าล็อตนั้นพลิกวิกฤติ ทำให้ลูกค้ากลับมาเชื่อมั่นเราเหมือนเดิมว่ายังไม่เจ๊ง แต่หยุดไปปรับสูตรใหม่ ทำให้จอมยุทธ์กลับมามีที่ยืนอีกครั้ง”

จากวิกฤติครั้งนั้น ทำให้คุณปอร์เช่ได้ข้อคิดในการทำธุรกิจใหม่ คือ การที่ธุรกิจจะก้าวไปได้อย่างยั่งยืน จะต้องคิดถึงคนอื่นด้วย และที่สำคัญอย่าหยุดพัฒนา หากดีขึ้นได้อีกก็ต้องทำ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งดีๆ  ดังนั้น น้ำจิ้มลูกชิ้นจอมยุทธ์จึงปรับสูตรมาอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากสินค้าแบรนด์อื่นตรงที่ความเข้มข้นครบรสจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีและจัดใส่ไปเต็มที่

ทั้งนี้ เจ้าของแบรนด์จอมยุทธ์ 16 ได้ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดดีๆ ว่า “เชื่อว่า คนที่จะวิ่งถึงเส้นชัยได้เร็วที่สุด ไม่ใช่คนที่วิ่งไปแล้วหันซ้ายทีหันขวาที แต่คือคนที่ต้องวิ่งตรงในเลนของตัวเอง หากถามว่าใครเป็นคู่แข่งของเรา ต้องบอกว่าจอมยุทธ์นี่แหละ แต่เป็นจอมยุทธ์เมื่อวานกับจอมยุทธ์วันนี้”