เครื่องแรกในไทย! จุฬาฯ เปิดตัว “เครื่องตรวจโควิด-19 อัตโนมัติ” รู้ผลเร็ว แม่นยำ 99%

เครื่องแรกในไทย! จุฬาฯ เปิดตัว “เครื่องตรวจโควิด-19 อัตโนมัติ” รู้ผลเร็ว แม่นยำ 99%

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ หังสสูต หน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า จุดเด่นของเครื่องตรวจโควิด-19 อัตโนมัติเครื่องแรกในประเทศไทย คือเป็นระบบอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้คนเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก จึงมีความปลอดภัย สามารถป้องกันคนของเราไม่ให้ติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของผู้ปฏิบัติงานได้ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังสามารถยืนยันผลการติดเชื้อได้ถึง 99% เครื่องนี้ได้รับการอนุมัติมาตรฐานจาก อย.ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ทำการทดสอบกับวิธีการตรวจแบบมาตรฐานของประเทศไทยแล้วพบว่าได้ผลสอดคล้องกัน เครื่องนี้ยังสามารถตรวจได้มากถึง 1,440 ตัวอย่างต่อวัน สามารถรู้ผลได้เร็วภายใน 3–5 ชั่วโมงสำหรับการทำงานในช่วงแรก หลังจากนั้นสามารถรู้ผลการตรวจภายในเวลาเพียงแค่ 90 นาที

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ กล่าวว่าการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยเครื่องมือนี้เป็นการตรวจจากน้ำที่ป้ายจากลำคอของคนไข้ที่มารับบริการตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือโรงพยาบาลอื่น เมื่อทางโรงพยาบาลได้รับตัวอย่างของสารที่จะทำการตรวจแล้ว นักวิทยาศาสตร์จะแบ่งตัวอย่างมาใส่ในหลอดเพื่อนำไปใส่ในเครื่องดังกล่าวซึ่งจะทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ตั้งแต่การสกัดสารพันธุกรรมของไวรัส นำมาเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม และตรวจสอบว่ามีสารพันธุกรรมนั้นๆ หรือไม่ ผลการตรวจสามารถดูได้จากภายนอกห้องตรวจ ซึ่งเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ ไม่มีคนเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงมีความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล

 

ปัจจุบันเครื่องตรวจเชื้อโควิด-19 ได้ให้บริการแก่คนไข้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลเอกชนไปแล้วกว่า 300 ตัวอย่าง แต่ยังไม่ได้เปิดรับการตรวจที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด เพราะเราต้องการให้ทีมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องเรียนรู้กับการทำงานของเครื่องมือนี้ให้มีการใช้งานที่คล่องตัว จากนั้นจะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ซึ่งสามารถรับได้ 1,440 ตัวอย่างต่อวัน ผู้ที่จะมารับบริการไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านสถานที่ซึ่งรองรับได้ไม่เกิน 200 คนต่อวันเท่านั้น คนไข้สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่นๆ แล้วส่งตัวอย่างมาตรวจได้ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ

ทั้งนี้ เครื่องตรวจโควิด-19 อัตโนมัติที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีมูลค่า 15 ล้านบาท ซึ่งได้รับการบริจาคจากคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา และภรรยา จากกลุ่มธุรกิจ TCP