เจาะยุทธศาสตร์ JDB Bank สปป.ลาว ดัน Investment Center สยายการลงทุนในไทย

เจาะยุทธศาสตร์ JDB Bank สปป.ลาว ดัน Investment Center สยายการลงทุนในไทย

จับตากลุ่มทุนจาก สปป.ลาว JDB Bank  ทะยานสู่ขวบปีที่ 30 กับการเดินเกมรุกเต็มรูปแบบ ด้วยยุทธศาสตร์แนวรุกสยายปีกไปยังตลาดการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ประเดิม ประเทศไทย เป็นครั้งแรกกับ ศูนย์ Investment  Center  เพื่อเป็นศูนย์การให้คำปรึกษาทางการเงินให้กับนักลงทุน ทั้งนักลงทุนไทยที่ต้องการมาลงทุนที่ สปป.ลาว และนักลงทุนลาวที่ต้องการมาลงทุนที่ประเทศไทย แบบครบวงจร คาดปีนี้ จะผลักดันผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทเติบโต 100%

นายเอกกะพัน  พะพิทัก  ประธานสภาบริหาร ธนาคารร่วมพัฒนา เปิดเผยถึงที่มาของธนาคารร่วมพัฒนา ว่า  “ในสมัยก่อนชื่อธนาคารร่วมพัฒนา เป็นธนาคารร่วมระหว่าง 2 ประเทศ ระหว่างนักธุรกิจคนไทย คือคุณหญิงสุวรรณี พัวไพโรจน์ สิงห์สมบุญ คือผู้ที่ได้ใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2532 และธนาคารแห่ง สปป.ลาว   ต่อมาในปี พ.ศ. 2556   ผมได้เข้ามาบริหารและเป็นนักธุรกิจคนลาวที่เข้ามาถือหุ้น 100%  เลยเปลี่ยนชื่อจากธนาคารร่วมพัฒนา มาเป็น  “JDB Bank”  (ย่อมาจาก Joint Development Bank) เพื่อมาให้ทันสมัยและสากลมากขึ้น

 จากตอนที่เข้ามาบริหารตอนนั้นถึงเวลานี้ ผ่านมา 6-7 ปีแล้ว ซึ่งผมก็ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คือ 1. เพิ่มทุน จากสมัยก่อนทุนจดทะเบียน 40 ล้านดอลลาร์ ก็เพิ่มมาเป็น 50 ล้านดอลลาร์ 2. พัฒนาระบบไอที Core-banking  ระบบ Oracle (การจัดการฐานข้อมูล)  ระบบบัตร (UnionPay Visa)  ให้ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากลเพื่อให้ทัดเทียมในอาเซียน   3. พัฒนาปรับปรุงในเรื่องของบุคคล ได้จัดการฝึกอบรม เสริมระบบไอทีเข้ามา และเพิ่มสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอนนี้มี 60 หน่วยบริการแล้วทั่ว สปป.ลาว และเพิ่มทรัพย์สินจากที่มีอยู่ 50 ล้านดอลลาร์  ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 500 กว่าล้านดอลลาร์  ก็ถือว่าเป็นการก้าวที่ขยายตัวอย่างเข้มแข็ง และพวกเราก็ได้บริการแบบสากล ว่องไว ทันสมัย ที่สากลมีอย่างไรเราก็มีหมด

นอกจากนี้เรายังมีธนาคาร UOB  สิงคโปร์ เป็น Corresponding Bank เกี่ยวการการทำธุรกรรมการโอนเงินต่างประเทศจาก สปป. ลาวไปยังประเทศอื่นๆ   ส่วนการโอนเงินระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เราได้ทำ Corresponding Bank กับธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ซึ่งทั้งสองธนาคารเป็นพาร์ตเนอร์กับเราอยู่  ปัจจุบันนี้ธนาคาร JDB Bank ได้เป็นธนาคารชั้นนำอันดับต้นที่โดดเด่น ในเรื่องของการบริการที่ครบวงจร และได้รับความน่าเชื่อถือและไว้ใจในสังคมลาว ทำให้เราอยู่ได้มาถึง 30 ปี จนตอนนี้เราเป็นอันดับสอง รองจากธนาคารของรัฐที่เป็นเบอร์หนึ่งอยู่ในขณะนี้ และเป็นอันดับหนึ่งของธนาคารเอกชน

สำหรับการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจธนาคาร ต่อจากนี้ไปดูเข้มข้นมากขึ้น เพราะมีธนาคารของไทยเข้ามาเปิดหลายแห่ง และธนาคารจากหลายประเทศ เราพร้อมรับมือกับการแข่งขันตรงนี้อยู่แล้ว เรามองว่าป็นเรื่องธรรมดา ในเวทีสากล เราก็ต้องยอมรับการแข่งขัน ผมคิดว่าธนาคารของประเทศใดที่เข้ามาเปิดเขาก็เอื้อให้กับนักธุรกิจของประเทศเขาเอง  ซึ่งทางเราเป็นธนาคารคนลาวได้ช่วยเหลือนักธุรกิจคนลาว แต่เราก็ได้ช่วยเหลือนักธุรกิจต่างชาติอย่างเต็มที่เช่นกัน เพราะเราก็มีลูกค้าคนไทย เราก็ได้ช่วยให้สินเชื่อ  และเราเองก็มีลูกค้าคนจีน เราก็ได้ช่วยเหลือสนับสนุนโครงการของเขา  คือลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในลาวเราก็ซัพพอร์ตทางด้านการเงินและให้ความสะดวกเพื่อส่งเสริมในการลงทุน

นายเอกกะพัน  ยังกล่าวถึงแผนการลงทุนและขยายสาขาไปยังตลาดต่างประเทศ ว่าตอนนี้ เรามีสำนักงาน JDB Representative Office ในกรุงเทพฯ ให้บริการในรูปแบบ Private Banking คือให้คำปรึกษาแก่นักธุรกิจไทยที่อยากลงทุนใน สปป. ลาว  ช่วยเหลือให้ความสะดวก  และนอกจากนี้ เราก็ได้มีการร่วมมือ ( ทำ MOU)กับธนาคาร EXIM Bank  เพื่อขับเคลื่อนการค้าการลงทุนไทย-สปป.ลาว และ EXIM อาจปล่อย Syndicated Loans ( วงเงินกู้ร่วม) อาจจะเกิดร่วมกันในอนาคตกับแบงค์ไทย  และในอนาคตก็อาจจะได้ร่วมกับอีกหลายๆ แบงค์ไทย ทางเราก็ยินดีที่จะเป็นตัวแทนให้ในลาว ทางเรายินดีร่วมงานกับแบงค์ของคนไทย”

“สำหรับในอาเชียน ทางเราก็กำลังขยายไปในกัมพูชา ไปเวียดนาม ไปเมียนมาร์  หรืออาจไปถึงในอินโดนี เซีย เราก็อาจไปตั้งสำนักงานผู้แทน ( Representative Office) ในประเทศต่างๆ เหล่านี้ คือผมคิดถ้าประเทศไหนมีโอกาสให้ขยายให้ก้าวเราก็จะขยายเพื่อให้เกิดการเติบโตต่อไป”

ทางด้านธนาคาร JDB Bank ที่จะมาลงทุนการเงิน การลงทุน อย่างครบวงจรในประเทศไทย มองว่าศักยภาพของการลงทุนไทยยังดีอยู่ มีกำลังซื้อด้านการลงทุนที่ดี  ประกอบกับกลุ่มลูกค้าคนไทยค่อนข้างมีศักยภาพ  จึงมองโอกาสการขยายการลงทุนที่ประเทศไทย

“ผมฝากถึงนักธุรกิจชาวไทย JDB  เป็นธนาคารที่ทันสมัย มีการตรวจสอบ การติดตามจากบริษัทตรวจสอบสากล ผมเชื่อมั่นว่าธนาคารของผมจะให้ความเชื่อมั่นในการรับใช้ด้านการเงินของท่านได้เป็นอย่างดี  จึงอยากเชิญชวนพี่น้องที่อยากทำธุรกิจหรืออยากลงทุนที่ สปป.ลาว มาทำธุรกรรมกับทาง JDB Bank ที่ สปป.ลาว  ซึ่งเรามีศูนย์ JDB Representative Office  (สำนักงาน JDB ประจำประเทศไทย) ให้คำปรึกษานักธุรกิจ นักลงทุน ที่ตึก All Season ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ ซึ่งเราสามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำท่านได้เป็นอย่างดี”

นายเอกกะพัน  ยังกล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาทางเราก็เคยปล่อยเงินสินเชื่อให้กับโรงงานยาสูบของนักธุรกิจคนไทยที่อยากมาทำธุรกิจในลาวรวมถึงธุรกิจเกี่ยวการเกษตรพวกเราก็ได้ส่งเสริม รวมถึงธุรกิจด้านการก่อสร้าง ซึ่งมีธุรกิจคนไทยมากมายที่เราให้ความสนับสนุนที่ผ่านมา  เพราะเราเชื่อมั่นในนักธุรกิจไทย ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์มาก แต่แค่มีความสามารถและมีความต้องการพัฒนาประเทศของเรา เราก็พร้อมให้การสนับสนุนแก่ท่าน  ซึ่งเราเป็นธนาคารท้องถิ่น มันก็จะเปิดธุรกิจได้ง่าย สำหรับถ้าลูกค้ามีเครดิตดีจากไทย ดอกเบี้ยก็จะถูก

“คาดปีนี้ตั้งเป้าว่ามีจะการเติบโตของธนาคารเติบโต 100%  ผมคิดว่าจะทำให้มันก้าวกระโดด เลยต้องมีเป้าหมายเป็นที่ตั้ง และเราต้องทำให้ได้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราจึงต้องมั่นใจและมีความกล้า ผ่านปัญหานี้ไปให้ได้” โดยแผน ปีหน้า เราจะเพิ่มการลงทุนหรือการระดมทุนไปอีก 200 ล้านดอลลาห์  เราจะปล่อยสินเชื่อให้ได้  และเพิ่มทุนตามนโยบายแบงค์ชาติ จะหาแหล่งทุนมาเพิ่ม เพื่ออัดฉีดเข้าไปในโครงการของรัฐบาล”

ทางด้านผู้บริหาร นางสาวอัยรินทร์ กิตติพงศ์โกศล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ธนาคารร่วมพัฒนา จำกัด   กล่าวเพิ่มเติมถึง JDB Representative Office ( สำนักงาน JDB ประจำประเทศไทย)  ในกรุงเทพฯ ว่า “เราต้องการจะให้ศูนย์นี้เป็น Investment  Center ให้กับนักลงทุน ทั้งนักลงทุนไทยที่ต้องการมาลงทุนที่ สปป.ลาว และนักลงทุนลาวที่ต้องการมาลงทุนที่ประเทศไทย ก็จะสามารถมาหาเรา เพื่อที่จะขอคำแนะนำ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่ สปป.ลาว   หรือเป็นเรื่องของการจัดตั้งบริษัท เป็นเรื่องของภาษี การตรวจสอบบัญชีอะไรต่างๆ  ที่นี้ก็จะเป็น Full Services ครบวงจร สำหรับนักลงทุน  นอกจากนี้เรายังให้ Banking Facilities ได้ด้วย คือเรามองว่าถ้านักลงทุนนักธุรกิจมาที่นี้ ก็จะได้ข้อมูลครบทีเดียว และอำนวยความสะดวกในเรื่องของ Banking Facilities กับสำนักงานใหญ่ที่ สปป.ลาว เราให้ข้อมูล และอำนวยความสะดวกให้ได้อย่างเต็มที่  เพราะเราพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างนักธุรกิจไทยและลาวได้พบปะเชื่อมสัมพันธ์ เพื่อนำไปสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคง  สามารถมาปรึกษาเราได้ที่สำนักงาน JDB ประจำเป็นไทย

จุดเด่นของ JDB Bank ที่แตกต่างกว่าธนาคารอื่นสำหรับนักลงทุนไทย

  • อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง สำหรับ Non-Resident เพราะไม่มีภาษีดอกเบี้ย เฉลี่ย 3.5 -4% ต่อปี และฝากได้ทั้ง THB , USD และ CNY
  • ที่นี้มีผู้บริหารหลายท่านเป็นคนไทย ทำให้นักธุรกิจรู้สึกว่ามาทำธุรกรรมกับที่นี้แล้วพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น
  • เนื่องจากเราเป็นผู้บริหาร JDB ในฝั่งไทย เราก็จะมีความเข้าใจคนไทย ว่าคนไทยต้องการอะไร เราก็จะมีการจัดบริการที่เหมาะสมที่สุดที่เข้ากับนักลงทุนนักธุรกิจไทยเป็นแบบ Customize หรือเป็นแบบเฉพาะบุคคล
  • เรามีธนาคาร JDB ที่เป็นธนาคารใหญ่ที่ลาว ซึ่งเรามีฐานข้อมูลของลูกค้าและธุรกิจ ที่ สปป.ลาว

ดังนั้นถ้านักลงทุนไทยสนใจ เรามีข้อมูล จะได้รู้ว่าตลาดที่ สปป.ลาวเป็นอย่างไร  และที่สำคัญอาจนำไปสู่ Business Matching จับคู่ทางธุรกิจของไทย กับธุรกิจทางลาว ให้เติบโตก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต

  • กลุ่มเป้าหมาย ของศูนย์ที่ไทย อยากจะเจาะตลาด SME ที่อยากไปลงทุนหรือทำธุรกิจที่ สปป.ลาว

และที่อยากแนะนำที่น่าลงทุน คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวใน สปป.ลาว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร

โรงแรม ทัวร์ หรือการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวใน สปป.ลาว เพราะการท่องที่ยวถือเป็นธุรกิจอันดับหนึ่งของ สปป.ลาว  หรือสินค้าเกี่ยวอุปโภคบริโภค เพราะที่นี้ไม่ได้มีโรงงาน ส่วนใหญ่คนที่นี้จะข้ามไปซื้อของฝั่งไทยและใช้ของไทยอยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีของไทยที่เข้ามาเปิดที่นี้ก็สามารถโตได้ไม่ยาก

ถ้านักลงทุนต้องการมาฝากเงิน กับ JDB Bank ต้องทำอย่างไร

  “มาติดต่อที่ศูนย์ JDB Representative Office   ที่นี้ ทางเราก็จะให้ข้อมูลว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และก็จะประสานงานกับทางสำนักงานใหญ่ให้”

ศูนย์ JDB Representative Office ที่กรุงเทพฯ

ศูนย์ JDB Representative Office ( สำนักงานประจำประเทศไทย)

ชั้น 12 ตึก MThai Tower ที่ตึก All Season ถนนวิทยุ

โทรติดต่อ . 0991466956 / 02-089-1664