น่าจะดีกว่ารัฐบาลขายหน้ากาก! นโยบายลดภาษีนำเข้าเครื่องฟอก-แมสก์ เหลือ 0%

น่าจะดีกว่ารัฐบาลขายหน้ากาก! นโยบายลดภาษีนำเข้าเครื่องฟอก-แมสก์ เหลือ 0%

ข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ชาวโซเชียลผู้ใช้ชื่อว่า Yannapat Boonkate ได้เริ่มเรื่องรณรงค์เพื่อร้องเรียนกับรัฐบาล ขอให้พิจารณานโยบายลดภาษีเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากอนามัย  มีเสียงสนับสนุนแล้วหลายพันคน ผ่านทาง Change.org โดยระบุว่า

“หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากประชาชนต้องดูแลกันเองเรื่องฝุ่นมลพิษ PM2.5 แล้ว ปัญหาใหญ่ข้ามประเทศที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง หนีไม่พ้น เรื่องการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา ทั้งกระทรวงสาธารณสุขของไทยและ WHO ออกมาเตือนแล้วว่าให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อเวลาออกไปอยู่ในที่คนหมู่มาก เช่น รถโดยสารสาธารณะ ห้าง หรือแม้แต่ที่ทำงาน

พวกเราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพียงเพราะเราต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วย ทั้งจากไวรัสโคโรนา และจาก PM2.5 แล้ว รัฐบาลยังจะคิดภาษีค่าหน้ากากกับพวกเราอีกเหรอครับ

ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับ ว่าหน้ากากอนามัยจึงเป็นไอเท็ม #ของมันต้องมี ในทุกบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ล่าสุด (28 มกราคม 2563) เว็บไซต์ด้านการแพทย์ News-medical.net ก็ออกมาชี้ว่า ทั้งกรุงเทพฯ และประเทศไทย ขึ้นแท่นเมืองและประเทศที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสมากที่สุด

ไม่ตื่นตูมก็ได้ครับ แต่ต้องป้องกันตัวเอง…ณ วันนี้ ผมสังเกตว่าคนไทยและนักท่องเที่ยวเริ่มกักตุนหน้ากากอนามัยไว้แล้ว เวลาไปห้างร้านก็เห็นว่ามีคนเหมาไปเกลี้ยงแผง ร้านออนไลน์บางที่ เริ่มมีมาตรการจำกัดการซื้อ บางร้านก็ขึ้นราคาไปแล้วเรียบร้อย อีกไม่นานหน้ากากคงขาดตลาดและมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าแยกซื้อเป็นชิ้นๆ หน้ากากอนามัยแบบที่ป้องกันโรคได้ที่ขายในร้านสะดวกซื้อ ตกชิ้นละ 10 บาท และเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ ควรใช้ครั้งเดียวทิ้ง เท่ากับว่า มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 300 บาท ปีละ 3,600 บาทต่อคน ส่วนหน้ากากที่กัน PM2.5 ได้ ก็ราคาสูงขึ้นไปอีกสองถึงสามเท่าตัว

มาช่วยกันเรียกร้องไปยังรัฐบาลครับ ปีก่อนๆ เรามีมาตรการซื้อหนังสือลดภาษีเพื่อกระตุ้นให้คนไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น นี่หน้ากากอนามัยและเครื่องกรองอากาศนะครับ เป็นของจำเป็นแท้ๆ ผมขอให้ทุกคนช่วยลงชื่อและแชร์แคมเปญ Change.org/pm2-5tax ออกไป เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล

  1. ลดภาษีนำเข้าเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากอนามัยเหลือ 0%
  2. งดภาษีให้กับโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ ในประเทศ และมีการควบคุมราคาให้คนทั่วไป รวมถึงคนที่รายได้ต่ำหาซื้อมาใช้ได้แบบไม่ลำบากจนเกินไป
  3. ออกมาตรกรลดหย่อนภาษีจากยอดเงินการซื้อเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากอนามัยได้เต็มจำนวน 100% (ครอบครัวละไม่เกิน 100,000 บาท)”

………….

ไม่รู้เสียงเล็กๆ ของประชาชนเหล่านี้ จะมีความเป็นไปได้แค่ไหน คงต้องถามใจ “ท่านผู้นำ” ดู