กัปตันแอร์เอเชียบินรับคนไทยในอู่ฮั่น เล่าภารกิจ 18 ชม. ซูฮกเจ้าหน้าที่ทุกคนคือ ‘ฮีโร่’ 

กัปตันแอร์เอเชีย บินรับคนไทยในอู่ฮั่น เล่าภารกิจ 18 ชม. ซูฮกเจ้าหน้าที่ทุกคนคือ ‘ฮีโร่’ 

วันที่ 5 ก.พ. จากกรณี เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน A320 เดินทางไปรับคนไทย 138 คน ที่เมืองอู่ฮั่น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้เดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Manoon Jarornloy กัปตันสายการบินแอร์เอเชียผู้บินไปรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่นกลับบ้าน โพสต์เฟซบุ๊กหลังปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นถึงการทำงานว่า

“ผมไม่ใช่ฮีโร่…หลายคนที่รู้จักผม ตอนเช้าของวันที่ 4 คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในอู่ฮั่น เพราะสื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก และเผอิญมีภาพบางภาพในข่าว มีติดรูปผมไปด้วยทั้งที่ตามแผนของคณะทำงาน ที่มีกระทรวงการต่างประเทศ เป็นแม่งาน ไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เมื่อข่าวออกไปว่าแน่นอน แอร์เอเชียเป็นคนไปรับคนไทย นักบินในกลุ่มไลน์ต่างเสนอตัว ที่จะไปทำหน้าที่นี้ จริงๆ เขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วว่าถ้ารบให้เราทำ หลายคนเสนอตัวที่จะทำ โดยไม่รับเงินค่าบิน บางคนหลังไมค์มาก็มี ผมตอบทีเล่นทีจริงว่าให้ลงชื่อไว้ เราทำจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องหาให้ยาก ปรากฏว่ามีคนสมัคร ทั้งหน้าไมค์หลังไมล์แป๊บเดียวเกือบ 20 คู่ ผมเลยต้องบอกว่าผมพูดเล่น ยังไม่มีความคืบหน้าว่าเราจะทำมั้ย

เช้าวันที่ 4 วันออกเดินทาง ซึ่งคือเวลา 07.10 ผมนัดลูกเรือ ทีมแพทย์ 7 คน และเจ้าหน้าที่ กต. 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ตอน 05.10

เรา Landing ที่อู่ฮั่น ตอน 11.15 เวลาอู่ฮั่น รีบกินข้าวและทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะบอร์ดผู้โดยสาร เพราะหมอบอกหลังจากนั้นเราจะไม่สะดวกอีก ใช้เวลาคัดกรองและบอร์ดเกือบ 6 ชม. ซึ่งยาวนานมาก ผมกะอั๋นและ Engineer เก็บตัวในห้องนักบิน น้องๆ ลูกเรือ ช่วยหมอในการจัดที่นั่งผู้โดยสาร และออกที่นั่งให้

ทำไมต้องทำขนาดนั้น 1.ต้องมั่นใจว่า คนที่อาจมีอาการ หรือติดเชื้อ ต้องถูกแยกไปนั่งต่างหาก และใช้ห้องน้ำที่แยกไว้ให้ 2.คนที่แข็งแรงแต่อยู่พื้นที่เสี่ยง ต้องนั่งอีกโซน 3.กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเสี่ยงน้อย จะจัดนั่งข้างหน้า

ผมงีบรอในห้องนักบินแต่ตื่นขึ้นมาทีไร ยังเห็นน้องๆ ทั้งหมอและลูกเรือทำงานด้วยความร่าเริงตลอดเวลา มีการเอนเตอร์เทนผู้โดยสารตลอดเวลา คุณคิดดูว่าในมุมของผู้โดยสารคนแรก ต้องรอคนสุดท้ายเกือบ 6 ชั่วโมง มันน่าเบื่อขนาดไหน

การบอร์ดอันยาวนานสิ้นสุดลง เราเริ่มขออนุญาตถอย และทำการวิ่งขึ้นสนามบินที่่เคยคับคั่งไปด้วยเครื่องบินจากนานาประเทศ ตอนนี้เป็นของเราคนเดียว

ขอพูดถึงทีมแพทย์ชุดนี้ เจ้าหน้าที่ กต. รวมถึงน้องๆ ลูกเรือต้องขอบอกพวกเขาสุดยอด ทั้งความรู้ การเตรียมการ การทำตามแผนและนอกแผน

หลังจากการตรวจอันยาวนาน ตอนแรกเราจะให้ผู้โดยสารแค่น้ำ 2 ขวด แซนด์วิช เจลล้างมือ ซึ่งจะวางไว้ตรงที่นั่งก่อนจะบอร์ดผู้โดยสาร ในแผนจะไม่มีการบริการอาหารร้อน แต่ด้วยเวลาที่ทอดยาวออกไปผู้โดยสารมารอแต่เช้าและไม่มีอะไรขายที่สนามบิน อาหารที่เราโหลดมาเพื่อใช้ในกรณีไดเวิร์ดถูกนำมาใช้จนเกลี้ยง

โชคดีจริงๆ ที่เราคิดถึงกรณีนี้ไว้ ตามข้อเสนอของปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะถ้าเราไปลงสนามบินกลางทาง ในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครให้เราลงจากเครื่องแน่ เราควรมีน้ำ และอาหารสำรอง ก่อนเครื่อง Rescue จะมารับ

จากแผนไม่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน ต้องมาทำ Fulservice น้องๆ ลูกเรือ ต้องอุ่นอาหารแบบด่วน ทายสิครับ ใครจะเป็นคนเสิร์ฟ ทีมหมอ และพยาบาลสิครับ แม้แต่ ผอ.บำราศนราดูร ก็ได้ทดลองอาชีพสจ๊วตครั้งแรก คุณหมอ พยาบาล ที่ข้างล่าง คนเรียกอาจารย์ วันนี้ต่างทำหน้าที่บริการอาหารอย่างแข็งขัน

เรามีหมอจิตเวช และเจ้าหน้าที่ กต. ไปด้วย ทุกคนช่วยกันเอนเตอร์เทนผู้โดยสารตลอดเวลาเพื่อลดความเครียดที่รอกลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดยอดจริงๆ

เราลงที่อู่ตะเภาและตามคาด มีคนมากมายมารอทำข่าว และคุณหมอก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของตนเองบนเครื่องบิน คือทำความสะอาดเครื่องบิน เก็บขยะลงถุงปลอดเชื้อ พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อของฝ่ายช่างแอร์เอเชียจะมาทำซ้ำอีกรอบ

ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ผู้โดยสารผมได้นอนเมื่อไหร่ ทีมหมอและ กต. ได้กินข้าวมั้ย เพราะผมแอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน ผมยอมรับในหัวใจของคุณหมอ และ กต. ชุดนี้จริงๆ ทำงานหนักตลอดวัน อย่างมีพลังและร่าเริงตลอดเวลา ลูกเรือผมก็เช่นกัน

ถ้าจะมีใครถูกเรียกว่าฮีโร่ นั่นคือพวกเขาครับ ขอซูฮกทีมคุณหมอ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งสองคนด้วยใจจริง จบการทำงาน 18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ”

ผมไม่ใช่ฮีโร่…หลายคนที่รู้จักผม…ตอนเช้าของวันที่4 คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในหวู่ฮั่น(WUH) เพราสื่อต่างๆ…

โพสต์โดย Manoon Jarornloy เมื่อ วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2020