ซื้อยากขึ้น! จุรินทร์ จ่อชง ครม. ขึ้นบัญชีหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม

ซื้อยากขึ้น! จุรินทร์ จ่อชง ครม. ขึ้นบัญชีหน้ากากอนามัย-เจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ครั้งที่ 1/2563 มีมติเห็นชอบให้กำหนดหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม หลังความต้องการซื้อในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะนำเรื่องเสนอที่ประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ และหากที่ประชุมให้ความเห็นชอบ จะทำให้สินค้าควบคุมตามกฎหมายเพิ่มขึ้นจาก 52 รายการ เป็น 54 รายการ เพื่อช่วยให้สามารถควบคุมในเรื่องของปริมาณและราคาของสินค้าได้ เช่น กรมการค้าภายในสามารถกำหนดให้ผู้ผลิตผู้แทนจำหน่ายผู้นำเข้าและผู้ส่งออกต้องแจ้งข้อมูลในเรื่องของต้นทุน ราคาซื้อราคาขาย ปริมาณการผลิต ปริมาณการนำเข้า ปริมาณการส่งออก หรือว่าสต๊อกได้ในทันที

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายสามารถกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หรือในพื้นที่ที่ขาดแคลนตามกฎหมายได้ รวมทั้งสามารถกำหนดให้มีการปิดราคาขายปลีก ซึ่งมาตรการนี้ก็จะกำหนดตามมาเมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว และจะแถลงให้ทราบต่อไป รวมทั้งการกำหนดให้การส่งออกต้องขออนุญาตในปริมาณจำนวนที่กำหนดได้จะเป็นมาตรการที่กำลังตามมา เพื่อให้ปริมาณหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมีปริมาณใช้อย่างเพียงพอในประเทศเสียก่อน

“ผมได้ตั้งวอร์รูมขึ้นมา เพื่อติดตามสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาอย่างใกล้ชิดเฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ของไวรัสเช่นเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาสินค้าต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการและราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ” นายจุรินทร์ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า โดยภาวะปกติเท่าที่กรมการค้าภายในได้รวบรวมตัวเลข พบว่าปริมาณการผลิตกับปริมาณการใช้ในภาวะปกตินั้นอยู่ในภาวะที่สมดุล แต่เมื่อเกิดกรณีไวรัสโคโรนาขึ้นมา ก็ได้ประเมินตัวเลขว่าอาจจะมีความต้องการใช้เพิ่มเติมขึ้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมตัวเลขการใช้หน้ากากอนามัยภายในประเทศอยู่ที่เดือนละ 30 ล้านชิ้น แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นมีความต้องการใช้เพิ่มเติมขึ้นเป็น 40 ล้านชิ้นถึง 50 ล้านชิ้น จึงทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าเป็นจุดๆ ไป