เกษตรกรเฮ! โลตัสรับซื้อผักทั่วประเทศ 270 ตัน/เดือน ตั้งเป้าช่วยสร้างรายได้ 1,000 ครัวเรือน

เกษตรกรเฮ! โลตัสเดินหน้ารับซื้อผักทั่วประเทศ 270 ตัน/เดือน ตั้งเป้าช่วยสร้างรายได้ 1,000 ครัวเรือน

เทสโก้ โลตัส และ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พัฒนาและส่งเสริมกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตรสู่ตลาดนำการผลิตเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยเทสโก้ โลตัส ได้ดำเนินโครงการรับซื้อผักตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านคนกลาง ครบทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย สร้างรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคงให้กับกลุ่มเกษตรกร และส่งมอบผักสดคุณภาพสูง ปลอดภัย ถึงมือลูกค้าทั่วไทยทุกวัน วางแผนขยายโครงการจากเกษตรกร 600 รายเป็น 1,000 ราย ภายในสิ้นปี 2563

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “ตามวิสัยทัศน์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราได้ขับเคลื่อนนโยบายตลาดนำการเกษตร เพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทย และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร อาทิ ผลผลิตล้นตลาด ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จากนโยบายดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ดำเนินงานร่วมกันกับเทสโก้ โลตัส ในการสนับสนุน พัฒนา และส่งเสริมกิจกรรมของกลุ่มเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่ม การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกัน และที่สำคัญ คือ การตลาดที่จะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่แน่นอน โดยการวางแผนการรับซื้อของเทสโก้ โลตัส ทำให้เกษตรกรทราบความต้องการของตลาด และสามารถนำมาวางแผนการผลิตให้สอดคล้องทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ”

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “เทสโก้ โลตัส ดำเนินโครงการซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกร มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยได้มีการเพิ่มปริมาณที่รับซื้อขึ้นทุกปี ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในการเชื่อมโยงการผลิตและการตลาด โดยร่วมกันคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ผักใบที่มีศักยภาพ ลงพื้นที่เพื่อเป็นพี่เลี้ยงดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันเราสามารถขยายโครงการซื้อตรงไปสู่เกษตรกรครบทั้ง 4 ภูมิภาค ตามความมุ่งมั่นของเทสโก้ โลตัส ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ และส่งมอบผักสดคุณภาพสูง ปลอดภัย ในราคาที่เอื้อมถึง ให้ลูกค้าของเราทุกวัน”

ปัจจุบัน เทสโก้ โลตัส รับซื้อผักใบ จากเกษตรแปลงใหญ่ 4 แหล่งหลักครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาค กล่าวคือ 1. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านโนนเขวา ตำบลดอนหัน อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ปริมาณรับซื้อ 70 ตันต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในเทสโก้ โลตัส 120 สาขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2. ภาคใต้ กลุ่มแปลงใหญ่ผักบางท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปริมาณรับซื้อ 97 ตันต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในเทสโก้ โลตัส 55 สาขาทั่วภาคใต้ 3. ภาคกลาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนาคูร่วมใจพัฒนา ตำบลนาคู อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปริมาณรับซื้อ 72 ตันต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในเทสโก้ โลตัส 54 สาขาทั่วภาคกลาง 4. ภาคเหนือ วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผักปลอดภัย ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ปริมาณรับซื้อ 35 ตันต่อเดือน เพื่อจำหน่ายในเทสโก้ โลตัส 120 สาขาทั่วภาคเหนือ

“การรับซื้อผักตรงจากทั้ง 4 แหล่งดังกล่าว ในปริมาณกว่า 270 ตันต่อเดือน ช่วยสร้างรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคงให้เกษตรกร 600 ครัวเรือน โดยเทสโก้ โลตัส ตั้งเป้าหมายที่จะขยายโครงการสู่เกษตรแปลงใหญ่กลุ่มอื่นๆ ในอนาคต โดยภายในปลายปี พ.ศ. 2563 จะครอบคลุมเกษตรกร 1,000 ครัวเรือน นอกเหนือจากการเชื่อมโยงตลาดกับการผลิตแล้ว เรายังให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร เพื่อผลักดันผักปลอดภัยได้มาตรฐาน GAP รวมไปถึงการใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนการใช้สารเคมีด้วย เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและผู้บริโภค”

นางสาวสลิลลา กล่าวเพิ่มเติม โครงการรับซื้อผลผลิตตรงจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผักปลอดภัย ตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ครอบคลุมการรับซื้อฟักทองพันธุ์ทองอำไพ จากชมรมส่งเสริมพัฒนาอาชีพอิสระคนพิการ พื้นที่ปลูกฟักทองรวมกว่า 90 ไร่ ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยผลผลิตทั้งหมดรวบรวมเข้าโรงคัดบรรจุ ตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน เพื่อส่งจำหน่ายในร้านค้าของเทสโก้ โลตัส ในภาคเหนือ

นายอรรถพล กันธะอุดม ประธานชมรมส่งเสริมพัฒนาอาชีพอิสระคนพิการ กล่าวว่า “การส่งผลผลิตฟักทองให้กับเทสโก้ โลตัส ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างอาชีพในระยะยาวให้แก่เกษตรกรภายในโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชมรมส่งเสริมพัฒนาอาชีพอิสระคนพิการที่มีสมาชิกที่ปลูกฟักทองถึง 35 คน และถึงแม้จะมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย แต่ก็ยังมีศักยภาพในด้านอื่นๆ สามารถสร้างอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ขอบคุณเทสโก้ โลตัส ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มฯ ได้ขยายช่องทางการตลาด มีปริมาณการรับซื้อที่แน่นอน ให้ราคารับซื้อที่เป็นธรรม สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับกลุ่มผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และเกษตรกรในโครงการ”