จะจนหรือรวย! ก็ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องสูดฝุ่นพิษ จากการละเลยของผู้ใหญ่

จะจนหรือรวย! ก็ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องสูดฝุ่นพิษ จากการละเลยของผู้ใหญ่

เมื่อวันก่อน ผู้ปกครองท่านหนึ่ง ได้เริ่มเรื่องรณรงค์ผ่าน Change.org เพื่อร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า เธอเป็นแม่ของเด็กชายวัยอนุบาล ที่ต้องฝ่าฟันฝุ่นพิษ PM2.5 ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กหลายคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่ค่าฝุ่นพิษ ที่สูงเกือบทั้งประเทศทำให้เด็กทั่วไทยต้องหายใจเอาฝุ่นเข้าไปทำร้ายร่างกายทุกวัน เพียงเพราะไปโรงเรียน

แต่โชคดีที่โรงเรียนของลูกเธอ มีมาตรการเรื่องนี้ชัดเจนจากการกดดันของผู้ปกครองและครูหลายคนที่มีลูกเล็กในโรงเรียนเดียวกัน มีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในห้องเรียนติดแอร์ และมีการวัดค่าอากาศเป็นระยะๆ บรรดาผู้ปกครองพยายามทำงานร่วมกับครู ให้ครูคอยกำชับ ให้ความรู้เด็กๆ เตือนเด็กๆ ให้ใส่หน้ากาก ยกเลิกกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด และไม่อนุญาตให้เด็กออกมาวิ่งเล่นข้างนอกถ้าไม่ใส่หน้ากาก

“โรงเรียนของลูกดิฉัน บอกเลยค่ะว่าค่าเทอมโหดมาก แต่พอมองดูโรงเรียนอื่นๆ ทั้งผ่านข่าวและฟังจากเพื่อนๆ แล้ว ภาพที่เห็นเหมือนคนละโลก นอกจากเด็กจะต้องเดินทางฝ่าฝุ่นไปโรงเรียนแล้ว พอไปถึงโรงเรียนซึ่งควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เด็กๆ กลับต้องเข้าแถวหน้าเสาธงทุกเช้าท่ามกลางฝุ่นเป็นเวลานาน ในชั่วโมงเร่งด่วนที่ค่าฝุ่นมักจะสูงเป็นพิเศษ แล้วยังมีวิชาพละวิ่งกันกลางแจ้ง เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พอยังมีกิจกรรมกีฬาสีกันเข้าไปอีก การวิ่งสูดอากาศเปื้อนฝุ่นเข้าไปเต็มปอดอ่อนๆ ที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กเลย  แถมคุณครูและบุคลากรในโรงเรียนก็แทบจะไม่มีใครใส่หน้ากากให้เด็กๆ ดูเป็นตัวอย่าง เราจะปล่อยให้ค่าเทอม เป็นตัวแบ่งแยกว่าเด็กคนไหนจะได้รับการปกป้อง และเด็กคนไหนจะต้องสูดฝุ่นพิษให้เต็มปอดเหรอคะ” คุณแม่ ผู้เริ่มเรื่องรณรงค์ บอกอย่างนั้น

และว่า อยากเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการ กทม. สั่งการไปยังโรงเรียนทั่ว กทม. และกระทรวงศึกษาธิการ มีคำสั่งด่วนไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศทันที เพื่อช่วยให้ครูและโรงเรียนมีแนวทางในการรับมือกับฝุ่น เช่น มีครูที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง โดยตรวจเช็กสถานการณ์จากแอพพลิเคชั่น AQI ตลอดเวลา เพื่อให้ทันเหตุการณ์  ให้ครูสอน กำชับ และมีระบบจัดการให้เด็กๆ ใส่หน้ากาก เช่น การประกาศค่าฝุ่น การใช้ธงสีต่างๆ สื่อสาร เพื่อป้องกันตนเองเวลาที่ต้องออกมาข้างนอกอาคาร เช่น ระหว่างเปลี่ยนห้องเรียน ช่วงพักเบรก ทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง เช่น การออกจดหมายเตือน ขอความร่วมมือให้เด็กพกหน้ากาก ให้เป็นมาตรฐานของทุกโรงเรียน งดกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแถวร้องเพลงชาติในเวลาเช้า กิจกรรมกีฬาสีกลางแจ้ง และอื่นๆ ก่อนเด็กเข้าโรงเรียน ให้คุณครูตรวจให้เด็กทุกคนใส่หน้ากาก เหมือนที่โรงเรียนชอบตรวจระเบียบผม เครื่องแต่งกายของเด็ก ถ้าเด็กไม่มีหน้ากาก ให้สื่อสารกับพ่อแม่ที่มาส่งให้เตรียมมาในคราวหน้า

“ถ้าเป็นไปได้ กระทรวงศึกษาธิการ ควรสนับสนุนให้โรงเรียนมีหน้ากากแจกให้เด็กด้วย ได้โปรดอย่าปล่อยให้ผู้ปกครองและครูแบกรับภาระรับมือฝุ่นเพียงลำพัง โปรดยอมรับว่าสถานการณ์ฝุ่นเข้าขั้นวิกฤต และการทำเป็นไม่รู้ ไม่ทำอะไรของผู้ใหญ่บางคน เท่ากับเป็นการบังคับให้เด็กๆ ต้องสูดฝุ่นพิษเข้าไปสะสมในร่างกายที่เด็กต้องใช้ไปอีกหลายปี  ได้โปรดอย่าปล่อยให้ฐานะของพ่อแม่เป็นตัวกำหนดความปลอดภัยในปอดของเด็กๆ จะจนจะรวย ก็ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องสูดฝุ่นพิษเกินขนาดจากการปล่อยปละละเลยของผู้ใหญ่ ถูกมั้ยคะ” คุณแม่ ท่านเดิม ระบุ