3 องค์กร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

3 องค์กร เผยส่งออกอาหารปี 62 หดตัว 3.8% เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

3 องค์กรด้านอุตสาหกรรมอาหาร เผย ปี 2562 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยหดตัวในรอบ 5 ปีที่ร้อยละ 2.0 ด้านการส่งออกสินค้าอาหารมีมูลค่า 1.02 ล้านล้านบาท หดตัวลงเช่นกันที่ร้อยละ 3.8 ชี้จีนเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่ 1 ของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์  มูลค่า 150,749  ล้านบาท  แทนที่กลุ่มประเทศ CLMV ส่วนแนวโน้มปี 2563 การส่งออกในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐ มีมูลค่าราว 34,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 

คุณอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์  ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปี 2562 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยลดลงร้อยละ 2.0 การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 57.8 ลดลงจากร้อยละ 58.7 ในปีก่อน  เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ  รายได้ครัวเรือนลดลง  และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับภาคการส่งออกที่หดตัวลงตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า และราคาส่งออกสินค้าอาหารที่ลดลงกระทบต่อรายได้เข้าประเทศ

ด้านการส่งออกอาหารของไทยในปี 2562 มีมูลค่า 1,025,500 ล้านบาท หรือ 33,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวลงร้อยละ 3.8 ในรูปเงินบาท แต่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2  ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 401,300 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 0.1

โดยสินค้าอาหารส่งออกหลัก 6 รายการ ที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ ข้าว (-22.0%)  น้ำตาลทราย (-13.7%)  ปลาทูน่ากระป๋อง (-6.0%)  แป้งมันสำปะหลัง (-2.8%)  กุ้ง (-9.2%)  และสับปะรด (-15.7%)  ส่วนสินค้า 4 รายการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่ (+0.8%)  เครื่องปรุงรส (+4.0%)  มะพร้าว (+3.8%) และอาหารพร้อมรับประทาน (+4.6%)  ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การแข็งค่าของเงินบาท และราคาอาหารโลกที่ปรับตัวลดลง เป็น 3 ปัจจัยหลักที่ฉุดมูลค่าส่งออกสินค้าอาหารไทยให้ลดต่ำลง

“ในปี 2562 ที่ผ่านมา จีนก้าวขึ้นมาเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่ 1 ของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แทนที่กลุ่มประเทศ CLMV โดยไทยส่งออกสินค้าอาหารไปจีนมูลค่า 150,749  ล้านบาท  มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.0  คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.7 ของมูลค่าการส่งออกอาหารทั้งหมด มีสินค้าส่งออกหลักที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็ง รวมถึงกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง”

คุณอนงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารไทยปี 2563 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกราว 34,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4  ส่วนในรูปเงินบาทคาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 1,022,610 – 1,061,000 ล้านบาท โดยมีโอกาสหดตัวลงร้อยละ 0.3 จนถึงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5  เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ และค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้  2 ทิศทาง ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ระหว่าง  29.30 – 30.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  และเศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ 3.4  กลุ่มสินค้าที่คาดว่ามูลค่าส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว (+0.5%) ไก่ (+8.0%) ปลาทูน่ากระป๋อง (+6.3%)  แป้งมันสำปะหลัง (+6.4%)  กุ้ง (+4.2%)  เครื่องปรุงรส (+7.5%)  มะพร้าว (+6.0%)  สับปะรด (+7.0%)  และอาหารพร้อมรับประทาน (+5.5%)  ส่วนที่คาดว่าจะลดลง คือ น้ำตาลทราย (-5.0%)

สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในปี 2563 ได้แก่  1. เศรษฐกิจโลกในปี 2563  ค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนที่ลดความตึงเครียดลง 2. จีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากขึ้นหลังเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร 3. มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กำลังจะจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้เกิดความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น  4. เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการได้รับแรงหนุนจากแผนงานรัฐบาลปี 2563

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ ได้แก่ 1. ต้นทุนการผลิตและการขนส่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน หากสงครามระหว่างอิหร่านและสหรัฐ ปะทุและลุกลาม  2. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit  เพราะจะเกิดความไม่ชัดเจนเรื่องกฎเกณฑ์สินค้า เงื่อนไขการค้า 3. ภัยแล้งจะกระทบทำให้ปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรวัตถุดิบในประเทศลดลง ราคาปรับตัวสูงขึ้น  กระทบต้นทุนอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป  4. สินค้าอาหารของไทยบางรายการได้รับผลกระทบจากการถูกสหรัฐตัด GSP โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปจำพวกพาสต้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เกี๊ยว เป็นต้น  5. ภัยคุกคามจากการขยายตัวของสินค้าอาหารที่ผลิตจากพืชทดแทนเนื้อสัตว์ที่มีต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอาหารทะเล

“การที่ค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง จึงอาจเป็นได้ทั้งปัจจัย เศรษฐกิจไทย ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนผ่อนคลายลง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในเงินบาท  และ สอง แนวโน้มแข็งค่าขึ้นหากเครื่องชี้วัดด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ออกมาแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของภาคธุรกิจ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่บ่งชี้กำลังซื้อ ตลาดแรงงานและตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นต้น โดยค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้มูลค่าส่งออกอาหารไทยเปลี่ยนแปลงไปประมาณ 35,000 ล้านบาท”