เผยแพร่ |
---|
จากกรณีชาวเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีการร้องทุกข์ว่า สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ใกล้กับดอยหลวงเชียงดาวในพื้นที่ บ้านนาเลาใหม่ หมู่ 10 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีการสร้างที่พัก โฮมสเตย์และรีสอร์ทสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 16 แห่ง และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามานอนพักเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางโฮมสเตย์ที่มีอยู่เดิม ได้มีการขยายบ้านพักเพิ่ม บางรายถึงขั้นบุกรุกที่ป่า และแปรเปลี่ยนจากที่พักแบบโฮมสเตย์ขยายเป็นรูปแบบกึ่งรีสอร์ท ซึ่งถือว่าผิดเงื่อนไขที่เคยได้รับอนุญาตในการใช้พื้นที่ ตามมติ ครม. ปี 2541 ชาวบ้านที่ร้องเรียนเกรงว่าจะเกิดผลกระทบนำไปสู่ระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติที่ถูกทำลายได้ เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จากปัญหาดังกล่าว ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่าในพื้นที่บ้านนาเลาใหม่ มีโฮมเสตย์ชื่อดังหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไป เริ่มขยายพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักเพิ่ม ซึ่งหลายรายเข้าข่ายผิดเงื่อนไขที่ มติ ครม.ฯเคยได้อนุญาตไว้
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า ชาวบ้านในพื้นที่พบปัญหา การบุกรุกที่ป่าเพิ่มจากการสร้างบ้านพักเพิ่มเกิดขึ้นจริง แต่ยืนยันว่าผู้ประกอบการทำที่พักโฮมสเตย์ทั้งหมดยังเป็นลูกหลานที่สืบทอดที่ดินจากพ่อแก่แม่เฒ่าของตนเองมา บางรายไปอยู่ที่อื่นและกลับมาพัฒนาที่ดินทำกิน สร้างเป็นโฮมสเตย์เพื่อหารายได้ แต่ยืนยันว่ายังไม่พบว่ามีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่เพื่อทำธุรกิจรีสอร์ทแต่อย่างใด เดิมมติ ครม.ฯอนุญาตให้เปิดโฮมสเตย์ได้ต่อครอบครัวให้รองรับนักท่องเที่ยวไม่เกิน 8-10 คนเท่านั้นเพื่อหารายได้เสริมจากการทำเกษตร แต่ตอนนี้พบว่ามีการแผ้วถางพื้นที่เพิ่มทำกันเป็นรูปแบบของกึ่งรีสอร์ทไปแล้ว ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์
“ชาวบ้านที่เห็นแก่ตัวและมีความโลภบางราย แม้จะห้ามปรามแต่ก็ไม่ฟัง ยังเดินหน้าที่จะก่อสร้างบ้านพักเพิ่ม ทำให้เกิดปัญหา และตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขาก็มีหลักฐานว่ากระทำผิดจริง รัฐมนตรีจากส่วนกลางจึงได้สั่งการให้ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และฝ่ายปกครองเข้าไปร่วมตรวจสอบ ในสุดสัปดาห์นี้ทราบว่าเจ้าหน้าจะสนธิกำลังกันเข้าไปตรวจสอบ และหากพบว่ารายใดเข้าข่ายกระทำผิดก็จะสั่งให้รื้อถอน” แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
นายอะซะผะ เล่าหมี่ อายุ 42 ปี เจ้าของวิวดอยสวยโฮมสเตย์ กล่าวว่า ในหมู่บ้านของเราได้อนุรักษ์ป่าตามวิถีชีวิต จะไม่ให้คนนอกเข้ามาซื้อหรืออยู่ในพื้นที่ถาวร ในตอนที่มีข่าวภูทับเบิก ถูกทางการดำเนินการ มีนายทุนต่างถิ่นจำนวนมากแห่กันมาที่ตรงนี้เพื่อขอซื้อหรือเช่าพิ้นที่ในราคาแพง แต่พวกเราบอกขายไม่ได้และได้ต่อต้านและร่วมกันบริหารจัดการกันเองไม่ให้คนนอกเข้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่อย่างเด็ดขาด และพวกเราก็มีการเตือนกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างเด็ดขาดแต่ที่เห็นหนาแน่นเพราะเป็นการขยายพื้นที่่โฮมสเตย์เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากในแต่ละวัน
นายอะซะผะ ยังกล่าวอีกว่า เราจะอนุรักษ์ความสวยงามของป่าดอยหลวงไว้ หากใครแหกกฎขยายเข้าพื้นที่ป่า หรือบุกรุกพื้นที่ใหม่พวกเราจะช่วยกันไปจับตัวเลย ดังนั้นก็ขอให้ทางการเข้ามาตรวจสอบได้เลย ว่าในหมู่บ้านเราไม่มีคนนอกเข้ามาประกอบการอย่างเด็ดขาด พวกเราไม่ได้ทำหรูหรา แต่แค่การประกอบอาชีพ ใช้ไม้ไผ่ในการทำโฮมสเตย์ทั้งสิ้น เราไม่ได้ทำถาวร ใครทำเราจะช่วยกันรื้อ เราทำแบบธรรมชาติตลอด เพราะนักท่องเที่ยวเข้ามาต้องการชมธรรมชาติและสัตว์ป่า ในขณะนี้พวกเรามีเพียง 19 แห่งเท่านั้นจะไม่มีการขยายมากไปกว่านี้แน่
ด้านนายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนได้คุยกับเจ้าหน้าที่บริหารป่าไม้เบื้องต้น ถ้าชาวบ้านยินยอมพร้อมใจกันในทำที่พัก ก็ขอให้เป็นลักษณะโฮมสเตย์ ซึ่งเชียงดาวก็มีอยู่หลายแห่ง ขอให้วิถีชีวิตของชาวบ้านจริงๆ คนที่จะมาเขาต้องการมาดูวิถีชีวิตมากกว่าจะดูวิว ซึ่งดูวิวก็คงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้น สำหรับที่เกิดปัญหาทั้งหมดมี 16 แห่ง รวมบ้านพักถึง 70 หลัง ใน 70 หลังหากเป็นชาวบ้านในพื้นที่ทำเราก็ไม่ห่วง แต่เกรงจะเป็นนายทุนแอบมาซื้อหรือเป็นนอมินี เขาก็จะก่อสร้างบ้านพวกนี้เป็นบ้านถาวรและจะต้องกลายเป็นภูทับเบิก2 ขึ้นมา ดังนั้นทางอำเภอและป่าไม้ จึงต้องเข้าไปจัดระเบียบ เพื่อในอนาคตไม่อยากให้ทำในลักษณะนั้น ตอนนี้จะต้องมีการเร่งสำรวจกันอยู่หากใครใบอนุญาตตาม ครม.วังน้ำเขียว ปี 2541 แต่บางจุดมันโดดออกจากกลุ่มหมู่บ้าน ถูกดำเนินการไปแล้ว 2 ราย ซึ่งตามมติ ครม.ให้เป็นที่ทำกินและอยู่อาศัยเท่านั้น ไม่ใช่ให้ทำธุรกิจ หากทำรีสอร์ทก็ถือว่าเป็นธุรกิจแล้ว แต่ลักษณะโฮมสเตย์พอที่จะเลี้ยงชีพ จะให้เช่าสัก 2-3 ห้อง ก็ไม่ว่ากัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เรียกประชุมทุกฝ่ายถึงแนวทางการแก้ปัญหา นำโดยนายศรัทธา กุนทอง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า จะมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายลงพื้นที่เข้าตรวจสอบในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2559 โดยจะใช้แผนที่วัดพิกัด หากพบโฮมสเตย์ใดมีการขยายออกนอกเขตพื้นที่ก็จะสั่งรื้อถอนทันที ส่วนบ้านพักที่สร้างก็จะให้ปรับรูปแบบให้เป็นโฮมสเตย์ โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ทั้งนี้จะยึดตามกฎหมายเป็นหลัก แม้ว่าชาวบ้านจะขอผลัดผ่อนให้ขยายเวลาเป็น 90-120 วัน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวมีคนจองเข้ามาล่วงหน้ากันมากก็ตาม
ที่มา มติชนออนไลน์