เผยแพร่ |
---|
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม ที่ท้องสนามหลวง ประชาชนทยอยต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนืองแน่น ท้ายแถวอยู่ในท้องสนามหลวงยาวกว่า 3 กิโลเมตร ไม่มีท่าทีจะคลี่คลาย ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว
นายอเล็กซานเดอร์ แฟรงค์ อายุ 48 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งภายหลังทราบข่าวการสวรรคตจึงตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยทันที โดยมานั่งนอนรอสนามหลวงตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 28 ตุลาคม รอเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ก่อนได้เข้าสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศในวันที่ 29 ตุลาคมเป็นกลุ่มแรก และวันนี้ยังมาเดินดูบรรยากาศที่สนามหลวง ก่อนเดินทางกลับสวิตเซอร์แลนด์วันนี้ กล่าวว่า พระองค์เคยเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ คนสวิสจึงรู้จัก เฝ้าติดตามและรักพระองค์ ส่วนทำไมชาวสวิสถึงรักพระองค์นั้น เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ใจดีมาก ที่โน่นคนดูแลตัวเอง ที่นี่คนไทยดูแลกัน และพระองค์ก็ทรงดูแลคนไทยอีกที จึงรู้สึกตื้นตันใจมากกว่าเหน็ดเหนื่อย เมื่อได้มาถวายสักการะพระองค์
“ผมเฝ้าติดตามและรักในหลวงมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพมากด้านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เรื่องไฟฟ้า วิทยุ ทั้งยังเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดูแลพสกนิกรอย่างดีมาก คนไทยก็ใจดี เหล่านี้ทำให้ตนหลงรักประเทศไทย รักวัฒนธรรมไทย และรักในสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ผ่านมาผมพยายามเรียนภาษาไทยจนพูดได้ เฝ้ารับเสด็จที่วังไกลกังวล งาน 5 ธันวาคม จากนี้ผมยังตั้งใจดูแลนักเรียนซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด อย่างที่พระองค์ทรงแนะนำที่ผ่านมา” นายอเล็กซานเดอร์กล่าว
ภายหลังการสัมภาษณ์ นายอเล็กซานเดอร์ได้ชูพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชขึ้นเหนือหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่เต็นท์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อใช้บริการตัดผมฟรี โดยได้ตัดไถข้างด้านขวาเป็นตัวเลข ๙ เพื่อเป็นของที่ระลึกกลับไปประเทศ นายอเล็กซานเดอร์ยังฝากเข้าไปชมเว็บไซต์ช้างเผือก www.changpuak.ch ซึ่งนำโครงการพระราชดำริต่างๆ หลักคำสอนของพระองค์มาเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติรับรู้
ที่มา มติชนออนไลน์