“เจ้าสัว” ย้ำ ซีพี ไม่ได้ผูกขาด แค่เห็นโอกาสแล้วเริ่มก่อน

เจ้าสัว” ย้ำ ซีพี ไม่ได้ผูกขาด แค่เห็นโอกาสแล้วเริ่มก่อน

คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศไทย จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวตอนหนึ่งบนเวที เปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน

คุณธนินท์ บอกว่า ในช่วงที่เจอวิกฤต สิ่งสำคัญที่สุด คือ “อย่าตาย” ต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน ตายไปเอาชีวิตคืนมาไม่ได้ หลังวิกฤตเชื่อว่ามักจะมีโอกาสตามมาอยู่เสมอ

“ตอนนี้เมืองไทยมีโอกาส เช่น สหรัฐอเมริกา กับ จีน มีปัญหากัน คนจะย้ายฐานการผลิต เราควรจะฉวยโอกาสตรงนี้ไว้ เพราะถ้าเราไม่ฉวยโอกาสนี้ ฐานการผลิตจะถูกย้ายไปเวียดนาม อินโดนีเซีย หากพลาดโอกาสนี้ไป คงต้องรออีกนาน 10 ปี เลยก็เป็นไปได้”

เจ้าสัว เพิ่มเติมว่า หากสังเกตให้ดี ขณะนี้เมืองไทยกำลังถดถอย ลองวิเคราะห์ดู 70 เปอร์เซ็นต์ของหลายธุรกิจ ญี่ปุ่นมาลงทุน ซึ่งคนไทยควรหวงแหนสินค้าเกษตร เพราะสินค้าเกษตร คือ น้ำมันบนดิน เป็นทรัพย์ของชาติ คนไทยมักละเลย ต้องให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรให้มากกว่านี้  

สำหรับอาณาจักรเครือเจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันมีพนักงานราว 3 แสนคน ซึ่ง “ซีพี” รู้กำไร ขาดทุน ทุกวัน

คุณธนินท์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า การจะสร้าง “ผู้นำที่ดี” ต้องให้ 3 อย่าง คือ อำนาจ  ตำแหน่ง  เงิน การจะพัฒนาคนต้องให้ลงมือทำ ต้องให้อำนาจ อย่าไปชี้แนะ ฐานะเจ้าของทำได้แค่ให้ข้อเสนอแนะ อย่าไปกลัวว่างานจะออกมาผิดพลาด ทำมากก็ผิดมาก

“สิ่งสำคัญต้องให้อำนาจกับผู้นำก่อน เพื่อให้ผู้นำได้แสดงความสามารถออกมา อย่าไปครอบงำ คอยชี้แนะอยู่ห่างๆ ผู้นำที่ดีต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องเสียสละให้เพื่อนร่วมงานก่อน และต้องอุทิศตัวเองให้บริษัท”    

เมื่อถามถึง ทำไมองค์กรเดิม หากจะเริ่มธุรกิจใหม่ ต้องใช้พนักงานใหม่

เจ้าสัว เปรียบสุภาษิตว่า  “ลูกวัวไม่กลัวเสือ” สาเหตุที่ต้องใช้พนักงานใหม่ เพราะพนักงานเดิม มีความรู้ ความถนัด ในเรื่องเดิมๆ มนุษย์ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง ยิ่งรู้ลึก ยิ่งเปลี่ยนยาก ล้างสมองยาก หากต้องไปทำงานใหม่ ก็เหมือนทิ้งงานเก่าอีก สั่งไปถ้าทำไม่ได้ ก็เข้าข่าย บัวช้ำน้ำขุ่น ฉะนั้น เทคโนโลยีใหม่ ต้องใช้คนใหม่

“ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เรามีค่านิยม 6 ประการ ประการแรก มี 3 ประโยชน์ เป็นประโยชน์ต่อชาติ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ลำดับต่อมา ทำอะไรต้องรวดเร็วมีคุณภาพ เข้าหานวัตกรรมใหม่ๆ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

หากจะมองว่า  “ซีพี” นั้นผูกขาด

เจ้าสัว ย้ำว่า ซีพี ไม่ได้ผูกขาด เพียงแต่ ซีพีเริ่มทำก่อน เช่น สินค้าเกษตร ร้านเซเว่นฯ ขนาดสินค้าบางอย่างที่ซีพีไปนำมาขาย เจ้าของเดิมยังบอก ขายไม่ได้อย่าทำเลย แต่ซีพีไม่เห็นด้วยแบบนั้น อะไรที่เห็นโอกาสแล้วต้องเริ่มทำก่อน ต่อเมื่อเราน็อกไป ตื่นขึ้นมา เราก็ยังเป็นแชมป์

ปัจจุบัน คุณธนินท์ อายุ 80 ปี แต่ยังเปิดรับความรู้ใหม่ๆ ตลอด นั่นก็เพราะ เจอโอกาสเร็ว และผ่านมาหลายวิกฤต ยิ่งผ่านปัญหาเยอะก็ยิ่งแกร่ง  

“ตอนผมอายุ 21 ปี ได้ทำงานใหญ่แล้ว แต่ทุกวันนี้พนักงานอายุ 22 ปี ความรู้เยอะกว่าผม แต่ด้วยความที่เสียเวลาเรียนไป 4 ปี ไม่ได้ใช้ความรู้จริงๆ ฉะนั้นมองว่า การเรียนไม่ต้องถึง 4 ปี แต่ควรจะทำงานไป เรียนไปดีกว่า”

ก่อนบอกอีกว่า คนเก่งในโลกนี้โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ คนเราสามารถเรียนลัดได้ วิธีการที่เร็วที่สุด คือ ไปเรียนจากคนเก่งนี่ล่ะ คนเก่งจะไม่ปฏิเสธคนที่มายกย่อง สิ่งสำคัญต้องเคารพนับถือคนอื่นด้วยความจริงใจ ผมเคารพนับถือคนหนุ่มสาว แต่ละปีให้โอกาสคนกลุ่มนี้ตลอด  

สำหรับธุรกิจที่ซีพีจะไม่ทำ คุณธนินท์ ย้ำว่า จะไม่ทำธุรกิจที่นอกเหนือไปจาก “ธุรกิจอาหารอิ่มท้อง กับ ธุรกิจอาหารสมอง” และธุรกิจที่มีความเสี่ยงเกิน 30 เปอร์เซ็นต์ โอกาสความสำเร็จมี แต่มันเสี่ยงเกินไป ซีพีจะไม่ทำ

ตลอด 80 ปีในช่วงชีวิตของเจ้าสัว ท่านยังสนุกกับการทำงาน ทั้งๆ ที่มีพร้อมทุกอย่างแล้ว

“อย่าไปคิดว่าทำงาน ให้คิดว่ามาเจอเรื่องท้าทาย เพราะถ้าไม่ทำงาน แต่ละวันผ่านไปไร้ค่าไม่เกิดประโยชน์เลย หากเจออุปสรรคให้คิดว่า เป็นอาหาร 3 มื้อ”

ถ้าต้องเริ่มธุรกิจใหม่ ณ ตอนนี้ เจ้าสัวสนใจ ธุรกิจขนส่ง เพราะไม่จำเป็นต้องมีโกดัง ไม่ต้องมีหน้าร้าน มีเพียงรถยนต์ มีซอฟต์แวร์ ก็ได้ข้อมูลลูกค้าไปในตัว เรียกธุรกิจนี้ว่า “ธุรกิจตัวเบา” โลกกำลังเปลี่ยนเก้าอี้ จากคนรวยก็อาจจะล้มละลายได้