พสกนิกรเนืองแน่นเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ‘แม่อุ๊ย’ ชาวเชียงใหม่วัย 70 ปี มาตั้งแต่ตี 4

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ตามที่มีพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น.ทุกวัน โดยวันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะก่อนเวลาตั้งแต่เวลา 05.15 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนบรรยากาศประชาชน ส่วนใหญ่ที่มาต่อแถวรอตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจะเป็นผู้ปักหลักค้างคืนที่ท้องสนามหลวง ซึ่งต้องเผชิญกับสายฝนโปรยปรายตลอดทั้งคืน ต่างพยายามเข้าไปปักหลักรอที่เต็นท์หรือหาร่ม แผ่นพลาสติกมาคลุมนั่งและนอนรออย่างใจจดจ่อ ประชาชนบางส่วนเป็นผู้มาต่อแถวรอตั้งแต่ช่วงเช้ามืดและรอมาตลอดทั้งวันของวันที่ 29 ตุลาคม แต่ยังไม่ได้เข้า เนื่องจากมีหมู่มวลพสกนิกรจำนวนมาก อีกทั้งยังประสบปัญหาการแอบแซงคิว และความสับสนในการต่อแถวต่างๆ แต่ก็มีจิตใจมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ

ทั้งนี้ ภายหลังจากเปิดเข้าถวายสักการะไม่นาน พสกนิกรจากทั่วประเทศพร้อมใจใส่ชุดสีดำสุภาพ ทยอยเดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้าสักการะเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่จัดต่อแถวตอนเรียง 4 แต่แถวก็ยาวล้นออกไปนอกพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี มาที่ถนนหน้าพระธาตุตลอดทั้งเส้น วกเข้าไปในท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้วนไปทางทิศตะวันออก ก่อนวกเข้ากลางท้องสนามหลวงวกไปวนมา ท้ายแถวยาวกว่า 3 กิโลเมตร

s__3997723

 

นางวรรณา เอียดพระพาย อายุ 50 ปี ชาว จ.สงขลา เดินทางออกจากบ้านมาถึงสนามหลวงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 29 ตุลาคม แต่ก็ยังไม่ทันเข้าไปถวายสักการะ กล่าวว่า เมื่อวานมีพสกนิกรมารอต่อแถวถวายสักการะเป็นจำนวนมาก ทำให้เข้าไม่ถึง แต่ด้วยความตั้งใจว่าจะต้องมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศให้ได้ แม้จะต้องนอนค้างคืนที่สนามหลวง ตลอดทั้งวันเจอแดด เจอฝน แต่ก็อดทนได้

“สิ่งที่ดิฉันและคนไทยอีกหลายคนได้พบเมื่อวาน เป็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงทำเพื่อคนไทย พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย ทนแดด ทนฝน ทุกพื้นที่ทุรกันดาร หรือแม้แต่พื้นที่เสี่ยงภัย พระองค์ก็มิได้ทรงหวั่นเกรง เสด็จฯ ไปทุกที่เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรของตัวเองให้อยู่ดีกินดี เพราะฉะนั้นเมื่อนึกถึงพระราชจริยวัตรเหล่านี้ของพระองค์ท่านแล้ว แดดฝนแค่นี้ที่เราเจอล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย” นางวรรณาเล่าทั้งน้ำตา

%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99-02

นางแสงเอ้ย ไชยา อายุ 70 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ลงทุนเหมารถบัส 2 คันร่วมมากับเพื่อนๆ เพื่อมาแสดงความอาลัย กล่าวว่า มาถึงที่นี่ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ดีใจที่ได้มาถวายสักการะพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย จากที่แต่ก่อนได้รับเสด็จบ่อย พระองค์เสด็จฯ ไปทรงงานที่ จ.เชียงใหม่ ทรงมีโครงการพระราชดำริมากมาย เปลี่ยนแปลง จ.เชียงใหม่ มากมาย ตั้งแต่ทรงเปลี่ยนพื้นที่ปลูกฝิ่นมาเป็นปลูกพืชที่ขายได้ พระราชทานที่ดินทำกิน ทรงแนะนำการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทำให้ผลผลิตปลอดสารพิษ ตลอดจนโครงการหลวงต่างๆ จึงไม่แปลกที่คนเชียงใหม่รักพระองค์มาก เช่นเดียวกับคนทั่วโลกที่ทราบถึงความดีพระองค์ ส่วนตัวก็จะขอทำความดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ตลอดจนสอนลูกหลานให้รู้จักและเจริญรอยตามพระยุคลบาทต่อไป

นางบุญเจียม สระพัง อายุ 62 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี มาถึงตั้งแต่เวลา 04.00 น. กล่าวว่า ตนมาตั้งแต่วันเชิญพระบรมศพแล้ว มาลงนามแสดงความอาลัยที่ศาลาสหทัยสมาคมบ่อยๆ และมาถวายสักการะในวันนี้ ทั้งนี้ พระองค์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ว่าพื้นที่ทุรกันดารแค่ไหนก็ทรงอดทนบากบั่นเสด็จฯ ไป อย่างที่ จ.อุบลฯ เคยเสด็จฯ ไปทั้งสองพระองค์ อย่างที่อำเภอเขื่องในที่ตนอยู่ มีโครงการผ้าไหมในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านประกอบอาชีพทอผ้าและรักษาภูมิปัญญาผ้าไหมบ้านสร้างถ่อดั้งเดิมไว้ ส่วนตัวยังน้อมนำคำสอนคำแนะนำมาปฏิบัติใช้ อย่างอาชีพทำนาที่ปัจจุบันยังทำอยู่ ก็ทำแบบพอเพียงแบบให้อยู่ได้ พอกิน พอขายได้ จะไม่ลงทุนมากเพื่อไม่เป็นหนี้เขา รวมถึงใช้ปุ๋ยชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมีเลย ทั้งนี้ ตั้งใจจะมาถวายสักการะอีก ยังไม่กลับบ้าน รวมถึงจะแนะนำลูกหลานให้รู้ว่าพระองค์ทำอะไรมาบ้าง ให้ลองน้อมนำคำสอนมาปฏิบัติใช้ เช่น การประหยัด อดทน การรักคนไทยด้วยกัน

s__3997725

 

โดยในเวลา 08.10 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในนามสำนักนายกฯ นำพันธุ์ข้าวสารจากกรมการข้าวจำนวน 20,000 ถุง บรรจุภายในถุงสีขาว ติดฉลากพร้อมข้อความว่า “พอเพียง” ซึ่งได้อัญเชิญลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มามอบให้ประชาชนที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังและหน่วยงานเอกชน ต่างนำน้ำดื่ม อาหาร นม ยาดม รวมไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์มามอบให้กับประชาชนเป็นที่ระลึกด้วย ที่บริเวณระหว่างประตูศรีสุนทรและประตูเทวาภิรมย์

นายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชายหนึ่งเดียวของ นายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ.2544 นำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาแจกประชาชนที่มาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ บริเวณประตูวิเศษไชยศรี กล่าวว่า วันนี้นำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาแจกให้ประชาชนจำนวน 2 หมื่นใบ โดยภาพล็อตแรกนี้คัดเลือกภาพที่มีคุณภาพดีทั้งหมด 9 แบบ เป็นภาพที่เห็นกันคุ้นเคย ส่วนใหญ่ฉลองพระองค์เป็นทางการ นำมาแต่งใส่กรอบแล้วอัดด้วยกระดาษอย่างดี เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะคนที่มาร่วมงานหลายคนมาจากต่างจังหวัด อาจไม่มีรูปแบบนี้เก็บไว้

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรก นำมาแจก 2 หมื่นใบก่อน ส่วนครั้งต่อไปอีก 2 หมื่นใบจะนำมาแจกอีกประมาณสัปดาห์หน้า โดยจะแจกที่จุดนี้หมือนเดิม แต่ภาพจะแตกต่างจากครั้งนี้ จะเป็นภาพจากธีมช่างภาพส่วนพระองค์ เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก เพื่อให้ประชาชนได้เก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป”

s__3997718

นายดอยธิเบศร์กล่าวอีกว่า ตระกูลของตัวเองรับใช้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ด้วยความจงรักภักดีเสมอมา และนับจากนี้ไปในฐานะพสกนิกรจะเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่ว่าใครมีความเชี่ยวชาญด้านไหนก็ควรทำอย่างเต็มความสามารถ เช่นเดียวกับ 70 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไม่เคยหยุดทรงงาน นั่นเองจึงเป็นที่มาให้ตัวเองใช้ความสามารถที่มีอยู่ทำรูปเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนระลึกถึงพระองค์ท่าน

 

 

 

 

 

counter