เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 2 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น

บรรยกาศการถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เช้าตรู่ มีพสกนิกรจำนวนมากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศสวมชุดไว้ทุกข์มาปักหลัก เพื่อรอเข้าคิวไปถวายสักการะ บางคนมารอตั้งแต่ช่วงสายของเช้าวานนี้ ถึงแม้เจอพายุฝนอย่างหนัก บางคนนำร่มและเสื้อกันฝนที่เตรียมมาออกมาใช้เป็นเครื่องกันฝน บ้างอาศัยเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้เป็นที่หลบฝนชั่วคราว เพราะทุกคนต่างพร้อมใจกันมาถวายสักการะพระบรมศพมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ในใจของปวงชนชาวไทย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ต่อมาเมื่อเวลา 05.15 น. สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนกลุ่มแรกที่ตั้งแถวรอที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี ได้ขึ้นไปสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ด้านเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดระเบียบและรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ส่วนบรรยากาศของการถวายสักการะเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ประชาชนส่วนใหญ่จะถือพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา ขณะเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ พร้อมด้วยเสียงสะอื้นปานจะขาดใจ บางคนไม่สามารถประคองร่างตัวเองลงมาได้เพียงลำพังจากบนพระที่นั่งดุสิตมหาปาสาท เจ้าหน้าที่ต้องเข้าช่วยเหลือ โดยหลังจากที่ถวายสักการะเสร็จ พสกนิกรจะได้รับภาพพระบรมโกศพระบรมศพสี่สี ยาดมท่านเจ้าพระยา และยาหม่องน้ำกลิ่นมะกรูด ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ด้านนางพิมพ์ ลือทรัพย์ อายุ 60 ปี หมอนวดบำบัด ตัวแทนจากศูนย์โยเร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ตนรวมตัวกันมา 34 คน เดินทางมาโดยรถทัวร์ มาถึงบริเวณสนามหลวงประมาณตี 2 ทุกคนดีใจอย่างสุดซึ้งหาที่เปรียบมิได้ที่ได้มาเคารพพระองค์ท่านแบบใกล้ชิด ระหว่างยืนรอคอย ตนจะอธิษฐานว่าขอรับใช้พระองค์ท่านทุกชาติไป ก่อนหน้านี้ได้แต่ดูทางโทรทัศน์ ร้องไห้ทุกคืน วันนี้ได้มาหาพระองค์ท่านแล้ว จึงมีความปลื้มปิติใจมาก

นางพิมพ์ กล่าวต่อด้วยสีหน้าสุดเศร้าน้ำตาคลอว่า ต่อไปจะทำความดีเพื่อพระองค์ท่าน ชาวโยเรจะช่วยกันภาวนาให้ชาวโลกมีความสุข จะนั่งสมาธิอธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยที่ได้ประทานแสงทิพย์ให้ชาวโลกพ้นทุกข์ ขจัดความขุ่นมัว โรคภัยไข้เจ็บ ทะเลาะวิวาท ความยากจนให้หมดไป

“ไม่มีพ่อคนไหนจะทำได้แบบนี้ พระองค์คือต้นแบบของทุกอย่าง ขอให้พระองค์ไปสู่สวรรคาลัย ยายจะขอเกิดเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” นางพิมพ์ กล่าว

ส่วน น.ส.หนูกร โพษาชัย อายุ 48 ปี จาก อ.พยุห์ จ.ศรีษะเกษ กล่าวว่า ตนนั่งรถไฟมาพร้อมหลาน 3 คน มาถึงบริเวณสนามหลวงตอนตี 2 นั่งรอกระทั่ง 07.00 น. ถึงได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวัง แต่สำหรับตนระยะเวลาการรอแค่นี้น้อยนิดมาก ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย รอทั้งวันก็จะรอ เพื่อที่จะเข้าไปใกล้พระองค์ท่าน

น.ส.หนูกร กล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเครือว่า รู้สึกตื้นตันใจมาก ท่านเป็นที่สุดของชีวิต ใจหายกินข้าวไม่ลง ทั้งที่ปกติเป็นคนกินเยอะ จุกไปหมด ตั้งแต่เกิดมาเห็นท่านทรงงานหนักตลอดเพื่อลูกทุกคน การกระทำของพระองค์ก็เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก สมกับที่พระองค์ทรงเป็นเทวดา แต่เรายังไม่ได้ตอบแทนอะไรพระองค์ท่านเลย ต่อไปจะตั้งใจทำทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของสังคม

“ตอนก้มลงกราบพระบรมโกศ ป้าน้ำตาไหลไม่หยุด น้ำตามันไหลออกมาเอง เกิดมาทั้งชีวิตป้าไม่เคยใส่รองเท้าคัชชู ทั้งกัดและทรมาน แต่วันนี้ป้าตั้งใจซื้อใหม่ทั้งชุด เพื่อมาหาพระองค์ท่านด้วยใจจริง” น.ส.หนูกร กล่าว

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์