ฟังคนดังเปิดอก พูดถึงเหตุผลและที่มา ของ ‘เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ’

‘ฟังเพลงนี้ทีไร ผมรู้สึกมีความสุข มีความอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก’ โจอี้ บอย- อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต เขียนขึ้นต้นความรู้สึกของตัวเกี่ยวกับเพลงพระราชนิพนธ์ ‘ใกล้รุ่ง’ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว Apisit Joeyboy Opasaimlikit ไว้อย่างนั้น

‘ผมจำเพลงนี้ได้อย่างแม่นยำ ในวัยเด็กช่วงอนุบาลที่พ่อแม่ผมแยกทางกันไปซักพักซึ่งตัวผมก็ได้ย้ายตามแม่ไปอยู่กับยาย จนกระทั่งวันนึงครอบครัวก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ยังจำเช้าวันแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเพลงใกล้รุ่งที่เปิดแว่วมาจากทีวียามเช้าและภาพพ่อกับแม่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้อย่างไม่รู้ลืม’

ไม่เพียงแต่โจอี้ บอย เท่านั้น ที่มีความรู้สึกกับเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ เพราะจากการพูดคุยกับหลายคนในวงการบันเทิง พวกเขาต่างก็มีความในใจเกี่ยวกับเพลงพระราชนิพนธ์เหล่านั้นเช่นกัน

โดยศิรินทรา นิยากร บอกว่าในบรรดาเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ โดยส่วนตัวเธอชอบเพลง ‘แสงเทียน’ มาก

“เพลงนี้มีแฝงเรื่องของสัจธรรมชีวิต ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน เห็นไหมคะ ว่าชีวิตคนเราเป็นไปตามกรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย หนีไม่พ้น ท่านให้เราได้เข้าใจถึงหลักธรรมข้อนี้”

ส่วนฮาย-อาภาพร นครสวรรค์ บอก สำหรับเธอนอกจากเพลง ‘แสงเทียน’ แล้ว ก็ยังชื่นชอบเพลง ‘ใกล้รุ่ง’

เพราะเพลง ‘ใกล้รุ่ง’ นั้น มีเนื้อหาและดนตรีที่กินใจ ขณะเพลง ‘แสงเทียน’ ก็ชอบมานาน

“คือไม่ใช่แค่เนื้อหา แต่แม้กระทั่งดนตรีที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ เวลาร้องค่อนข้างยาก ขึ้นสูง ลงต่ำ และมาเสียงกลาง เหมือนพระองค์จะบอกให้รู้ว่าคนเราเมื่อมีสูงสุด แล้วก็ต้องลงสุด ลงสุดแล้วก็ต้องมาอยู่ตรงกลาง”

“สำหรับฮาย พระองค์ถือเป็นมหาอัครศิลปินที่ยิ่งใหญ่”

‘น้าเน็ก’-เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ก็ชอบ 2 เพลงเดียวกันกับเธอ

“แสงเทียนเป็นเพลงที่พระองค์พระราชนิพนธ์เป็นเพลงแรก ชอบทั้งทำนอง เนื้อหา ชอบมากๆ”

“เพลงนี้เป็นเพลงที่เปรียบชีวิตของเราเหมือนแสงเทียน แล้วให้หลักธรรมะก็คือ เกิดเป็นคนต้องทำความดี ทำดีไว้เถิดเกิดเป็นคน ไว้เตรียมผจญชีวิตไว้ ตามเนื้อเพลงทุกอย่างเลย ก็คือสอนใจของเรา ท่านพระราชนิพนธ์มาเพื่อสอนใจของเราแท้ๆ”

“สอนว่าการเป็นคนที่สุดคือการมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดีและสุดท้ายก็ดับลับไปเหมือนดั่งแสงเทียน”

ขณะที่เพลงใกล้รุ่ง “ผมว่าให้ความรู้สึกฟีลกู้ด” น้าว่า

“ให้ความรู้สึกดี รู้สึกบวก เป็นบทเพลงที่งดงาม บรรยายโวหาร บรรยายความทุกอย่างได้ดีมาก คำร้อง ทำนอง มิวสิก ทุกอย่างลงตัวเหลือเกิน ฟังแล้วอิ่มเอมใจมากเลยครับ”

ด้านหลิว-อารดา พรหมพฤกษ์ บอกสำหรับเธอนั้น “ทุกเพลงที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์นั้นเพราะหมด”  หากที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือ เพลง ‘อาทิตย์อับแสง’

ต่างจากฝน ธนสุนทร ที่ชอบเพลง ‘ชะตาชีวิต’ ดังนั้นหลายครั้งก่อนหน้านี้เวลาที่ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ประกวดจึงมักเลือกเพลงนี้เป็นประจำ

เมื่อถาม เอก ซีซั่นไฟฟ์-สุดเขต จึงเจริญ ด้วยคำถามเดียวกัน ก็ได้คำตอบว่าสำหรับเขา คือ เพลง ‘ความฝันอันสูงสุด’

“เพราะว่าทุกครั้งที่ฟัง เรารู้สึกฮึกเหิม รักชาติมากๆ ฟังแล้วรู้สึกว่า วันนี้เราได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง ได้ทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติของเราบ้างไหม ได้ทำความดีบ้างหรือยัง”

“เป็นเพลงที่สร้างกำลังใจ สร้างพลังให้เราทำความดีต่อไปตามแบบพระองค์ที่ทำความดีอยู่ตลอดเวลาเลย ฟังแล้วรู้สึกว่าต้องทำอะไรเพื่อผู้อื่น ทำความดีเพื่อตัวเองดีแล้ว แต่ที่ดีมากคือต้องทำความดีเพื่อผู้อื่น ซึ่งพระองค์ท่านทำมาตลอด 70 ปี”

แต่ที่บอกว่าถ้าให้เลือกเพลงใดเพลงนึง คงเลือกไม่ได้คือ ชลธี ธารทอง

เพราะสำหรับเขา “ผมชอบเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ทุกเพลง”

“เพลงพระราชนิพนธ์ที่ผมร้องได้เพลงแรกตั้งแต่สมัยมัธยม คือ เพลงใกล้รุ่ง เพลงของพระองค์เพราะ แต่งยาก ร้องยาก ต้องเป็นคนที่อัจฉริยะจริงๆ ถึงจะแต่งได้ดีขนาดนี้ พระองค์มีพระปรีชาสามารถในการแต่งเพลงมาก จนชาวโลกยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นเลิศในด้านศิลปะดนตรี”

“พระองค์ทรงเป็นต้นแบบเป็นไอดอลในการแต่งเพลงของผม ผมยึดตามเส้นทางเดินของพระองค์มาประยุกต์ใช้กับตัวเรา ถึงเราจะเป็นเพลงลูกทุ่งก็เดินตามรอยของพระองค์โดยการใช้สำเนียงที่ไพเราะในการแต่งเพลง”

“ทรงเป็นอัครศิลปินโดยแท้”

 

ที่มา มติชนออนไลน์