เปิด 7 เทคนิคดูแลเท้าให้สุขภาพดี รับมือช่วงหน้าฝน-น้ำท่วม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เปิด 7 เทคนิคดูแลเท้าให้สุขภาพดี รับมือช่วงหน้าฝน-น้ำท่วม

ดูแลเท้า / หน้าฝนทีไร สภาพอากาศมักมาพร้อมกับความเย็นสบายแต่ฉ่ำแฉะ ส่งผลให้น้ำท่วมขัง ต้องเดินย่ำน้ำจนเท้าเปียก ซึ่งน้ำสกปรกเหล่านั้นอาจเป็นที่มาของเชื้อโรคชนิดต่างๆ และส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา ทั้ง โรคเท้าเปื่อย โรคผิวหนัง โรคท้องร่วง โรคฉี่หนู โรคตาแดง เป็นต้น

ดังนั้น สิ่งสำคัญในช่วงหน้าฝนคือการดูแลเท้าให้สะอาดสุขภาพดี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน หากมีการติดเชื้อรุนแรง อาจต้องถูกตัดเท้าหรือขาได้ ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับเทคนิคในการดูแลสุขภาพเท้าในหน้าฝนไว้ 7 ข้อ

Pedicure spa female feet in spa bowl with water flowers and stones realistic vector illustration

โดยวิธีการดูแลสุขภาพเท้า สามารถปฎิบัติตามได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ทําความสะอาดเท้าและซับเท้าให้แห้ง โดยใช้ผ้าที่สะอาดและนุ่ม เช่น ผ้าขนหนู ค่อยๆ ซับเท้าให้แห้งโดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า
  2. ทาโลชั่นทุกวัน เพื่อคงความชุ่มชื่นให้กับผิวบริเวณเท้า ควรทาทันทีภายหลังจากทำความสะอาดและซับจนแห้ง ให้ทาตั้งแต่เข่าไปจนถึงปลายเท้า โดยหลีกเลื่ยงการทาระหว่างซอกนิ้วเท้า

    Smiling blonde woman using cosmetic cream in bed at home
  3. ตัดเล็บเท้าด้วยความระมัดระวังและถูกวิธี โดยควรตัดเป็นเส้นตรงให้เสมอปลายนิ้ว อย่าตัดจนลึก หรือโค้งเข้าจมูกเล็บมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดแผลได้ง่าย หากมีอาการเล็บขบหรือเล็บม้วน แนะนําให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทําการรักษาอย่างถูกต้อง
  4. ตัดหนังออกบ้าง หากมีผิวหนังบริเวณเท้าเกิดความหนา และมีการพัฒนาจนแข็งเป็นก้อน ควรให้ผู้ชำนาญทำการตัดออก ทุกๆ 4-8 สัปดาห์ เพื่อให้หนังบรืเวณนั้นบางลง เหมือนปกติ

    Portrait of young woman doing pedicure in salon. Beauty concept.
  5. สวมถุงเท้า ควรสวมถุงเท้าเพื่อคงความชุ่มชื่น และลดการเสียดสีของผิวหนัง
  6. เลือกใช้รองเท้า โดยเลือกรองเท้าที่ถูกสุขลักษณะ มีขนาดพอดี ไม่คับหรือไม่หลวมจนเกินไป

    Closeup of foot spa therapy and massage
  7. ผู้เป็นเบาหวาน ควรสํารวจเท้าทุกวัน ว่ามีจุดแดง บวม ร้อน ตาปลา หนังหนา ตุ่มพอง และรอบเล็บเท้า มีปัญหาหรือไม่ หากพบความผิดปกติหรือเกิดบาดแผล ควรรีบพบแพทย์และรักษาโดยเร็ว

หรือหากใครยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 2 โซน D

ที่มา : บทความสุขภาพ คอลัมน์ สาระสุขภาพ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์