ธุรกิจความงามปีนี้ยังสดใส “เดอะซิกเนเจอร์คลินิก” ชูคุณภาพรักษา-สวยแบบธรรมชาติ

ธุรกิจความงามปีนี้ยังสดใส “เดอะซิกเนเจอร์คลินิก” ชูคุณภาพรักษา-สวยแบบธรรมชาติ จุดแข็งมัดใจลูกค้า

นายแพทย์ภูริวัจน์ อริยกุศลสุทธิ แพทย์ประจำ บริษัท เดอะซิกเนเจอร์เอ็สเตติก จำกัด หรือ เดอะซิกเนเจอร์ คลินิก เปิดเผยว่า ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับความงามมาแล้วกว่า 7 ปี โดยเริ่มต้นจากเรียนจบทางด้านแพทย์ความงามมา แล้วอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จึงตัดสินใจเปิดคลินิกความงามเป็นของตัวเอง ย่านแยกชิดลม-หลังสวน ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมากจากตลาดทั้งลูกค้าชาวไทย และต่างชาติ โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่ผ่านมา มองว่าภาพรวมธุรกิจความงามของไทยยังเติบโตไปได้ดี แต่อาจไม่หวือหวามากมาย แต่ก็ยังไปในทิศทางบวก

ทั้งนี้ในส่วนของคลินิกก็ถือว่ายังพอไปได้ดี และมีความเชื่อมั่นว่าครึ่งปีหลังธุรกิจจะขยายตัวไปได้เรื่อยๆ โดยแบรนด์เดอะซิกเนเจอร์ คลินิก ยังคงจะชูจุดขายที่เป็นจุดแข็งแบรนด์เพื่อมัดใจลูกค้าคือ การเดินทางที่สะดวกไม่ไกลจากรถไฟฟ้า การดูแลรักษามีความใกล้ชิด แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพ มีความเป็นส่วนตัวแบบไพรเวทมากที่สุด มีความปลอดภัยสูงมาก ยาที่ใช้รักษามีมาตรฐานสากล ใช้เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่

โดยจุดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ เป็นการเสริมความงามที่ไม่มีการผ่าตัด เน้นความเป็นธรรมชาติที่สุด มีความพอดี และอีกทั้งคุณหมอยังมีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องของการวิเคราะห์รูปหน้าเพื่อปรับแต่งรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ได้อย่างสวยงาม และลงตัว ดูเป็นธรรมชาติ จึงทำให้มีความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ที่แนะนำกันมาแบบปากต่อปาก จนทำให้แบรนด์ค่อนข้างติดตลาดแล้วในปัจจุบัน โดยการบริการของเดอะซิกเนเจอร์คลินิก จะเน้นการให้บริการฉีดปรับแต่งรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม มีความเชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ โดยเฉพาะเรื่องรักษาสิว และลบริ้วรอย ล่าสุดได้นำนวัตกรรมใหม่เข้ามา เป็น เครื่องเลเซอร์สลายไขมัน ที่เยี่ยมยอดมากในการช่วยสลายไขมัน ด้วยนวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกา


ปัจจุบันลูกค้า 90 % เป็นลูกค้าคนไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา วัยกลางคน วัยทำงาน มีกำลังซื้อ ระดับกลาง-บน ทั้งในกทม. และลูกค้าจากต่างจังหวัด ส่วนอีก 10% เป็นลูกค้าต่างชาติที่เข้าท่องเที่ยวในไทยและมาทำธุรกิจย่านเพลินจิต ส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน กลุ่มประเทศกลุ่มอาหรับ อย่างไรก็ดีในปัจจุบันตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว เพราะต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการแล้วพึงพอใจ บอกต่อกันแบบปากต่อปากให้ ทำให้มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนรายเดิมก็มาทำซ้ำ ทำให้เกิดความภักดีในแบรนด์

อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการลงทุนจะไม่เน้นโมเดลการขยายสาขาจำนวนมากไปตามกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด แต่จะเน้นการพัฒนาคลินิกเดิมที่มีอยู่ให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งจากเดิมรับลูกค้าได้เพียงประมาณ 15 ราย /วัน ในอนาคตจะขยายให้รับลูกค้าได้ประมาณ 20-30 ราย/วัน เน้นความทันสมัยของนวัตกรรมใหม่มาบริการลูกค้า และหันมาทำการตลาดแบบออนไลน์มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการตลาดแบบออฟไลน์ เพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย

“ผมว่าธุรกิจความงามยังไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะโซนสุขุมวิทตอนต้น มีผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ต่างขนเม็ดเงินมาลงทุนมากมาย การแข่งขันเลยดุเดือด แต่ละแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์มาสู้กัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะสู้กันที่โปรดักต์ ผมเชื่อว่าธุรกิจภาพรวมน่าจะมีหลายแบรนด์ที่เริ่มปรับตัวทำคลินิกความงามให้ไซซ์เล็กลง เพื่อควบคุมมาตรฐานและต้นทุน เนื่องจากมีหลายแบรนด์เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดไป ในอนาคตเชื่อว่าจะมีแบรนด์ขนาดเล็กที่ไม่ปรับตัว ส่งผลให้อาจมีการปิดกิจการไปพอสมควร” นายแพทย์ภูริวัจน์ กล่าว