สาวแชร์ประสบการณ์ ลาออกจากงานประจำไปทำธุรกิจ “เป็นหนี้-เครียดกว่าที่เห็น”

สาวแชร์ประสบการณ์ ลาออกจากงานประจำไปทำธุรกิจ “เป็นหนี้-เครียดกว่าที่เห็น”

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักในปัจจุบัน ไม่ว่าจะนายจ้างเองหรือลูกจ้าง สถานะภาพทางการเงินย่อมได้รับผลกระทบกันเป็นแทบๆ นายจ้างเองก็แก้ไขปัญหาด้วยการปรับโครงสร้างหรือจ้างให้ลาออก เพื่อลดค่าใช้จ่ายบริษัท ยิ่งสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เหล่าลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต่างก็ยิ่งดิ้นรนแตกต่างกัน แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่คิดต่าง ยอมลาออกเพื่อมาทำตามความฝันในการทำธุรกิจส่วนตัว บ้างก็อยากหาประสบการณ์

สมาชิกพันทิป หมายเลข 3962995 เจ้าของกระทู้ เราเป็นหนึ่งคนที่ “ลาออกจากธุรกิจส่วนตัว เข้า สู่การทำงานประจำ” ค่ะ กระทู้ที่บอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการลาออกจากงานประจำแล้วหันไปทำธุรกิจส่วนตัว ในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง เพื่อเป็นตัวอย่างประกอบการตัดสินใจกับคนที่คิดจะลาออกจากงานประจำในช่วงนี้ โดยมีเนื้อหาว่า

ทุกวันนี้ อาจจะมีบางคน ที่ตั้งกระทู้ในทำนองว่า ลาออกจากงานประจำ แล้วมาทำธุรกิจส่วนตัว นั่นนี่ แต่ สำหรับเธอแล้วไม่ใช่เรื่องดีเท่าใดนัก จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่ได้เจอให้ทุกคนได้ฟังกัน เพราะ การประสบความสำเร็จของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนทำธุรกิจส่วนตัวแล้วไปได้สวยก็มีเยอะ แต่สำหรับเธอแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เริ่มจาก ปกติเธอก็คือ มนุษย์เซลคนหนึ่ง ในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆแนวครอบครัว ทำงานอยู่มาได้ 4 ปีโดยประมาณ ค่าคอมมิชชั่น รวมเงินเดือนก็พอโอเคอยู่ สร้างความมั่นใจมั่นได้ว่า ถ้าออกมาทำธุรกิจเองคงจะดี บวกกับบริษัทนั้นเป็นระบบครอบครัวและเธอเบื่อกับการบริหารงานแบบองค์กรครอบครัว จึงตัดสินใจลาออก แล้วออกมาตั้งตัวเป็นฟรีแลนซ์ เธอกล่าวต่ออีกว่า ตอนนั้นตัวเองมั่นใจมาก บวกกับดูสถานการณ์แล้ว เศรษฐกิจมันก็ยังพอไปได้

เมื่อออกมาทำเอง รับออเดอร์เอง เป็นเทรดดิ้ง สั่งของจากโรงงานแล้วส่งลูกค้า ตอนแรกๆ เธอก็มีความสุขดี เพ้อฝันไปถึงว่าวันหนึ่งคงมีลูกน้อง มีกิจการใหญ่โต แต่เสลาผ่านไปได้สัก 2 ปี เธอกลับพบว่า งานที่ทำอยู่กลับแย่ลงทุกวัน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทัน บวกกับภาวะเศรษฐกิจด้วย

เธอจึงได้แต่ยอมรับว่า อาจจะสะสมปัญหามานานในเรื่องการหมุนเงิน เพราะรายได้ไม่คงที่ แต่ละเดือนมากน้อยต่างกัน ธุรกิจจึงออกมาพังกว่าที่เห็น เธอรู้สึกเครียดมาก จนฟุ้งซ่านไปหมด เพื่อนก็ไม่มี เพราะต่างก็ทำงานประจำกันหมด เวลาว่างก็มีเยอะมากจนเบื่อ คิดว่าถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป เธออาจต้องเป็นภาระให้สามี
แล้วก็อาจจะเป็นโรคซึมเศร้าไม่รู้ตัวเป็นแน่

จึงตัดสินใจสมัครงานใหม่ เธอเล่าว่าได้สมัครไปหลายรอบมาก พอมีคนเรียกไปสัมภาษณ์ เธอก็ยังดึงดันยังไม่ไป เพราะคิดว่าธุรกิจที่ทำมันต้องรอด ต้องทำได้ เลยปล่อยโอกาสไป และทำธุรกิจต่ออีกประมาณ 1 ปี จนล่าสุด เมื่อกลางปีที่ผ่านมา เธอตัดสินใจส่ง Resume ไปสมัครงานอีกครั้ง แล้วก็มีการตอบรับมา ณ เวลานั้น คือ ธุรกิจของเธอสุดจะยื้อ เธอจึงไม่คิดปล่อยโอกาสไปอีกแล้ว จึงไปสัมภาษณ์และได้งานทำ ในตำแหน่ง BD หรือ ตำแหน่งงานขายเหมือนเดิมในที่สุด

เธอเล่าต่อว่า ปัจจุบันยังไม่ผ่านโปรฯ ซึ่งจะครบโปรฯเดือนหน้านี่เอง แต่สิ่งที่อยากจะแชร์จริงๆ คือ ตอนนี้เธอมีความสุขขึ้นเยอะมาก มีเพื่อน มีสังคม มีเงินเดือน ที่พอใจ เป็นอะไรที่เธอสามารถควบคุมได้แล้ว ส่วนเรื่องค่าคอมมิชชั่น แน่นอนอยู่แล้ว ว่าถ้าทำมากก็ได้มาก ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะทำงานเซลมาตลอด
และก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาเก่าๆที่สมัยยังทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ ยังไม่หมดไป แต่เธอก็เชื่อว่า สักวันหนึ่งมันจะจบลงด้วยดี เพราะทุดเรื่องต้องใช้เวลา

เธอทิ้งท้ายไว้ว่า ที่มาแชร์เรื่องราวให้ฟัง เพราะไม่ได้อยากให้ทุกคนเป็นเหมือนกับตนเอง เรื่องของเธออาจจะเป็นอีกหนึ่งเสียง สำหรับคนที่ท้อแท้ในการทำงานประจำ ณ วันนี้ ก่อนจะลาออก คุณต้องทบทวนเหตุผล และมองอนาคตดีๆ อย่าใช้แต่ความมั่นใจอย่างเดียว เพราะโชคชะตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับตัวเธอเอง เวลานี้ ช่วงนี้ เศรษฐกิจแบบนี้ “งานประจำ เงินเดือนประจำ” ตอบโจทย์ที่สุด หากตั้งใจทำงาน อย่างน้อยๆ ก็สามารถควบคุมรายได้ของคุณได้