เปิดเทคนิคค้าขายออนไลน์ยังไงให้รุ่งในยุค 5 จี

ในช่วงเสวนาแชร์ไอเดียกูรู หัวข้อ “ค้าขายให้รุ่ง ยุค 5 จี ต้องมีเทคนิคยังไง” จากเวที “สู้จากศูนย์ SMEs ไทย มือใหม่ พันธุ์แกร่ง” ซึ่งจัดโดย นิตยสารเส้นทางเศรษฐี” 

กูรูทางด้านธุรกิจ 3 ท่าน คือ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คุณสุพัชเชษฐ์ เภาวะนิต รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหาร และพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการ บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด และ คุณอุดมศักดิ์ รักรอด ประธานบริหาร บริษัท อาร์ดี บ็อกซ์ จำกัด เจ้าของเสื้อยืดแบรนด์ Rude Dog

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) “ปัจจุบัน SMEs มีประมาณ 5 ล้านราย มีเพียง  20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งบทบาทของ บสย. มีหน้าที่เติมทุนโดยผู้กู้ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เติมความรู้เสริมแกร่งในธุรกิจ ภารกิจในปี 2562 บสย.จะสร้างเครื่องมือเช็กสุขภาพทางการเงิน ค้ำประกันสินเชื่อฟรี 2 ปี”

คุณสุพัชเชษฐ์ เภาวะนิต รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหาร และพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการ บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “บทบาทของลาซาด้า คอยซัพพอร์ตผู้ประกอบการ โดยมีพันธกิจร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน ผ่าน “ลาซาด้า ยูนิเวอร์ซิตี้” คอยให้ความรู้ พัฒนาและแก้ปัญหาการขายสินค้าให้ผู้ขาย รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการสม่ำเสมอ การขายสินค้าในแอพพลิเคชั่นลาซาด้า 3 สิ่งที่ควรคำนึง คือ ประเภทสินค้าต้องชัดเจน คีย์เวิร์ดสำคัญมาก การถ่ายภาพต้องสื่อได้หลากหลายมุมมอง”

คุณอุดมศักดิ์ รักรอด ประธานบริหาร บริษัท อาร์ดี บ็อกซ์ จำกัด เจ้าของเสื้อยืดแบรนด์ Rude Dog “ เสื้อยืดแบรนด์ Rude Dog ก่อตั้งขึ้นนานกว่า 8 ปี รายได้ปีล่าสุด 400 ล้านบาท เสื้อยืด Rude Dog มีคอนเซ็ปต์สร้างสินค้าธรรมดาให้โดดเด่น ไม่มีหลักการตลาด เริ่มต้นธุรกิจจากความชอบ จุดเด่นเลือกใช้ผ้าคุณภาพดีระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ จำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียงตัวละ 200 บาท เสื้อยืดแบรนด์ Rude Dog แจ้งเกิดในโซเชียลมีเดีย เริ่มจาก อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก ทำแบบง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งกว่าจะยืนหยัดมาได้ 7 ปี เคยผ่านช่วงวิกฤตมามากมาย ทั้งลองผิดลองถูก สูญเงินไปเป็นแสน ไม่มีสินทรัพย์ประกันไปกู้แบงก์ แต่ปัจจุบันภูมิใจมาก มีลูกน้อง 80 คน มีตัวแทนจำหน่าย ยอดขายปีล่าสุดอยู่ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนสินค้าตกราว 1,800,000 ชิ้น”