“ตกงาน” มีเงินเก็บอย่าเพิ่งลงทุน ถ้าไม่อยากเจ๊ง! ชาวเน็ตแนะ ควรเก็บเงิน-รีบหางานใหม่

“ตกงาน” มีเงินเก็บอย่าเพิ่งลงทุน ถ้าไม่อยากเจ๊ง! ชาวเน็ตแนะ ควรเก็บเงิน-รีบหางานใหม่

ตกงาน ไม่ว่าจะสาเหตุใด ล้วนแล้วแต่เป็น ฝันร้าย ของเหล่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน บางคนภาระเยอะ พอตกงานทีก็เลือกที่จะจบชีวิตลง บางคนดีหน่อย ที่ถึงแม้ว่าจะตกงานแต่ยังมีเงินเก็บเงินก้อนไว้ประทังชีวิตระหว่างหางานใหม่ ดังเช่น สาวท่านหนึ่ง ที่เข้ามาตั้งกระทู้ขอความแนะนำจากสมาชิก ในเว็บไซต์พันทิป

โดยเธอได้เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า เธอตกงานมาเกือบ 4 เดือนแล้ว เป็นการตกงานแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นครั้งที่ 3 ที่เธอเจอมา ตอนนี้เธอมีเงินเก็บประมาณ 200,000 บาท และมีภาระผ่อนรถยนต์เหลืออีก 8 งวด โดยผ่อนงวดละ 7,xxx บาท 4 เดือนที่ผ่านมาเธอสมัครงานไปหลายที่ แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับ ตอนนี้เข้าเดือนที่ 4 แล้วเลยอยากขายของไปพลางๆ ระหว่างรอการติดต่อกลับจากบริษัทที่ไปสมัครงานไว้ เธอจึงคิดว่าจะเปิดร้านกาแฟ หรือลงทุนอะไรก่อนก็ได้ให้มีรายได้ หรือควรเอาเงินไปซื้อทองเก็บไว้ ดีหรือไม่ เพราะเพื่อนของเธอบอกว่า ทองกำลังขึ้นและราคาทองน่าจะขึ้นไปถึง 30,000 บาท ปีนี้ จริงหรือไม่

หลังจากโพสต์ไป ก็มีสมาชิกพันทิปหลายๆคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและข้อแนะนำมากมาย มีความเห็นที่น่าสนใจหลายคอมเม้นท์ ดังเช่น ความเห็นที่ 9 ของสมาชิกหมายเลข 1182029 ที่คอมเม้นท์ว่า

ถ้าคุณยังไม่เคยทำธุรกิจหรือลงทุนมาก่อน คุณไม่ควรทำธุรกิจหรือลงทุนอะไรทั้งสิ้นในสถานการณ์แบบนี้ เพราะคุณจะเจ๊งหมดเงินเกลี้ยงในพริบตา ก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจ คุณต้องมี 3 สิ่ง คือ ความรู้ ประสบการณ์ และ กระแสเงินสด หากหางานประจำไม่ได้ ให้หาอาชีพรับจ้างแบบฟรีแลนซ์ เพื่อสร้างกระแสเงินสด จากนั้นไปศึกษาหาความรู้ในธุรกิจหรือการลงทุนที่อยากทำ และเริ่มต้นลงมือทำ แต่คุณจะล้มเหลวประมาณไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง คุณจึงจะเริ่มได้ผลตอบแทนจากสิ่งที่ทำก้อนแรก (ซึ่งค่าตอบแทนที่ได้นั้นไม่พอกิน) หลังจากนั้นอีกประมาณ 1-2 ปีหลังจากความสำเร็จแรก คุณจะเริ่มเสมอตัว และในอีก 3-4 ปีต่อจากนั้น คุณถึงจะเริ่มมีเงินเหลือจากกิจการที่ทำ ถึงเวลานั้นแล้ว เงินที่เหลือจากกิจการ ค่อยแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์แทน ลำดับก่อนหลังจะเป็นประมาณนี้ จะช้าหรือเร็ว ให้บวกลบนิดหน่อย

ความเห็นที่ 30 ของสมาชิกผู้ใช้นามว่า MuNeIc ได้แสดงความเห็นว่า ถ้าเจ้าของกระทู้มีประกันสังคมอยู่แล้ว ควรไปลงทะเบียนว่างงาน น่าจะพอได้เงินช่วยเหลือนิดหน่อย จำนวนอาจไม่มาก แต่เป็นการรักษาสิทธิ์ที่เราพึงจะได้เอาไว้

ส่วนในเรื่องการลงทุน ส่วนตัวคิดว่าหางานทำต่อดีกว่า เพราะกว่าจะเปิดร้านตั้งตัวได้ ไม่ได้ใช้เวลาระยะสั้นๆ แล้วยิ่งไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจเลยจะยิ่งเป็นการเสี่ยงเข้าไปอีก ระหว่างที่ยังไม่ได้งานแล้วอยากลองทำจริงๆ ควรกำหนดขอบเขตให้ตัวเอง เช่น ขีดเส้นตายให้ตัวเองดู ว่าคุณต้องได้งานภายในระยะเวลาเมื่อใด, ตั้งงบที่คิดว่าเสียไปแล้ว ยังมีเงินที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดได้จนจบเส้นตายหางาน (อย่าเอาทั้งหมดมาลงทุน เก็บไว้เผื่อต้องต่อชีวิตถ้ายังไม่ได้งานด้วย), สำคัญสุดคือหาตลาด ว่าธุรกิจที่จะทำ จะขายที่ไหน มีหน้าร้าน/ออนไลน์ยังไง แล้วจุดที่จะขาย เขาต้องการอะไร มีอะไรที่นิยม อะไรที่ยังไม่มี แล้วคุณทำได้ไหม, ปรึกษาใครก็ได้ที่รู้จักและมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน บางทีเขาจะช่วยบอกคุณในจุดที่คุณนึกไม่ถึงได้

และถ้าได้งานก่อนเส้นตาย ให้ลองชั่งน้ำหนักดูว่า คุณสามารถทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกันต่อไหวหรือไม่  หรือ อันไหนดูจะเลี้ยงชีพได้ดีกว่า, โดยมากร้านค้าถ่าไม่โดดเด่นเปรี้ยงเดียวดัง ก็ต้องใช้เวลากว่าจะอยู่ตัว, อย่าหลงอย่าหลงดีใจ/เสียใจไปกับยอดขายในเดือนแรกๆ บางครั้งขายดีเพราะเป็นของใหม่ พอมีของใหม่อื่นมาหรืออยู่ไปสักพักยอดจะค่อยๆลง บางร้านเดือนแรกๆไม่ดี แต่อยู่ๆไปค่อยๆสะสมฐานลูกค้า, กรณีถึงเส้นตายยังไม่ได้งาน ถ้าที่ลงทุนไปดูพอจะไปรอดก็หันมาจริงจัง แต่ถ้ามันดูไม่ไหวก็หันมาเพิ่มความจริงจังกับการหางานและอาจต้องยอดลดสเปกงานลงเพื่อความอยู่รอด

และความเห็นที่ 47 ของคุณ Ferris Wheel ได้แสดงความเห็นว่า ในช่วงนี้อย่าลงทุนอะไรเป็นอันขาด ควรเก็บเงินไว้ก่อน ส่วนรถ หากยังสามารถผ่อนได้ให้ผ่อนไป แต่ถ้าต้องผ่อนในระยะเวลานานนาน ให้ขายแทนจะดีกว่า ถ้าตกงานโดยไม่ทันตั้งตัวมาสามครั้งแล้ว ลองดูรึยังว่าตำแหน่งงานที่คุณทำ มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรืออย่างไร พอจะเปลี่ยนสายได้หรือไม่ ให้พยายามหางานไปก่อน ต้องการงานที่เงินเดือนเท่าไรคิดดูดีๆ

หรือไม่ ลองดูงานโรงงานดูดีไหม อย่างโรงงานบริษัทที่คุณ  Ferris Wheel ทำอยู่ วันหนึ่ง หากรวมทุกอย่างแล้ว ได้ค่าแรงเกือบห้าร้อยเลยทีเดียว ยิ่งถ้าทำต่ออีกครึ่งกะก็จะได้ค่ากะ เป็นค่าแรงค่าข้าว อาหารก็อร่อยและถูกมาก (20 บาท อิ่มแน่นทั้งวัน เพิ่มข้าวไม่อั้น มีน้ำแกงฟรี) อีกทั้งมีรถรับส่ง ประกันสังคม ค่ารักษาพยาบาล เครื่องแบบ รองเท้า ไลน์เป็นห้องแอร์ด้วย

แต่ถ้าอยากทำงานเอง ลองไปเรียนอาชีพฟรีของ   กทม. ซึ่งมีหลายอย่างให้เลือก เธอมีความเห็น เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว บางทีอาจาร์ยสามารถหาแหล่งส่งขายงานที่คุณทำด้วย (ถ้าจะทำจริงจัง) จะได้ไม่ต้องเอาเงินเก็บมาลงทุน

 

อ่านเรื่องเต็มได้ที่  คลิก