บิวตี้ บุฟเฟ่ต์ จับมือพันธมิตรเครื่องสำอางชั้นนำ สู่ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์

“BEAUTY BUFFET” พลิกโฉมใหม่! สู่ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ ชูกลยุทธ์จับมือพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำ รุกตลาด BEAUTY & HEALTH ประเดิมแฟลกชิปสโตร์แห่งแรก สาขามาบุญครอง เดินหน้ากลยุทธ์การตลาด O2O ดันยอดขายโตต่อเนื่อง มองภาพรวมตลาดสุขภาพและความงามในประเทศขยายตัวได้อีกมาก  

ดร.พีระพงษ์  กิติเวชโภคาวัฒน์  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้นำธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a beautiful life เปิดเผยว่า “BEAUTY BUFFET” ได้จับมือพันธมิตรแบรนด์เครื่องสำอางและสุขภาพชั้นนำกว่า 14  แบรนด์ อาทิ แบรนด์ KARMART SNAIL WHITE BOKHTOH  SMITH HER HIGHNESS และอื่นๆ ในปี 2562 ประเดิมนำสินค้าเข้าจำหน่าย ณ ร้าน BEAUTY BUFFET 120 สาขาทั่วประเทศ โดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น สินค้าแบรนด์ BEAUTY BUFFET 80% และสินค้าแบรนด์พันธมิตรชั้นนำ (มัลติแบรนด์) 20%

ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์

สำหรับการพลิกโฉมร้าน BEAUTY BUFFET สู่การเป็นร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ที่ครบวงจรทั้งด้านสุขภาพและความงาม ภายใต้แนวคิด The Kitchen Storage ซึ่งยังคงจุดยืนของ Beauty That All-You-Can-Choose เข้าถึงได้ง่ายหลากหลายรูปแบบในราคาที่สมเหตุสมผลและความตื่นเต้น การปรับรูปโฉม ภาพลักษณ์ ในครั้งนี้เพื่อสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งรูปลักษณ์ ดีไซน์ การใช้งาน และการให้บริการ โดยประเดิมเปิด Flagship Store แห่งแรกที่ สาขามาบุญครอง เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีแผนจะปรับโฉมร้านใหม่อีก 3 สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล ชลบุรี และ โรบินสัน จ.ตรัง รวมทั้งสิ้น 4 สาขาในปีนี้

การปรับโฉมในครั้งนี้ จึงนับเป็นปรากฏการณ์ทางธุรกิจที่สำคัญของ BEAUTY BUFFET ในการรุกตลาดสินค้าสุขภาพและความงาม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภค และนักช็อปปิ้งส่วนใหญ่ มีความต้องการช็อปปิ้งในรูปแบบร้านมัลติแบรนด์ ทั้งในด้านราคา และสินค้าที่หลากหลาย สามารถเลือกซื้อได้อย่างอิสระ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะมีการตอบรับที่ดี ตอบโจทย์กลุ่มนักช็อปในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพิ่มโอกาสในการขาย และสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมรักษาส่วนแบ่งตลาดความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกเครื่องสำอาง

ดร.พีระพงษ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทจะมุ่งเน้นใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ O2O (Online to Offline synchronization) ควบคู่ไปกับการใช้  Experience Sharing ผ่านทางกลุ่มของ Macro Influencers ที่สามารถสร้าง Mass Awareness ได้ เพื่อให้บอกเล่าถึงประสบการณ์ความประทับใจของรูปแบบร้าน, ความหลากหลายของสินค้า, การให้บริการของพนักงาน และโปรโมชั่น ที่น่าสนใจของทั้งสินค้า BEAUTY BUFFET และสินค้าของพันธมิตร และต่อยอดจาก WOM ของลูกค้าที่ได้มามีประสบการณ์จริงที่ Offline Store แชร์กลับไปบนโลกออนไลน์ ทั้งใน Platform ของผู้บริโภคและแบรนด์ จากกลยุทธ์การตลาดดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดสุขภาพและความงาม มีการแข่งขันสูงและรุนแรงขึ้น เนื่องจากเทรนด์รักสุขภาพและความงามยังคงเป็นเทรนด์ที่อยู่ในกระแสความนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านสุขภาพและความงามต้องเร่งปรับตัวสร้างจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อครองใจผู้บริโภค และชิงเค้กส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน ซึ่งตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยและตลาดอาหารเสริมสุขภาพ ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดเครื่องสำอางในไทยมีมูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 7.8-7.9% และมูลค่าตลาดอาหารเสริม 8.7 หมื่นล้านบาท” ดร.พีระพงษ์ กล่าว