“ตอบคำถาม-ยอดขายน้อย” 2 ปัญหาคลาสสิก ที่ผู้ค้าออนไลน์ต้องเจอ

“ตอบคำถาม – ยอดขายน้อย” 2 ปัญหาคลาสสิก ที่ผู้ค้าออนไลน์ต้องเจอ

ในยุคที่ข้าวของต่างๆ แข่งกันขึ้นราคา เงินที่หลายๆ คนได้จากงานประจำ ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่ยาวเป็นหางว่าว จึงต้องกระเสือกกระสนหาทางออกกันต่างๆ นานา หนึ่งในทางออกคือการ “ขายของออนไลน์” ที่ระยะหลายปีให้หลังมานี้ ได้รับความนิยมและมีตัวเลขอัตราการเติบโตมาให้เห็นทุกๆ ปี ทำให้กลายเป็นจ๊อบเสริมของใครหลายๆ คนไป

แต่ก็ใช่ว่าเส้นทางการเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะง่ายดาย หรือ สมหวังกันทุกคน ดังเช่น สมาชิกหมายเลข 5262764 ที่มาแชร์ประสบการณ์เรื่องการทำอาชีพเสริมเป็นแม่ค้าออนไลน์ให้ชาวพันทิปได้ฟังกัน โดยเธอเล่าว่า ปกติเธอทำงานประจำ แต่อยากลองหารายได้เสริม จึงหาเสื้อและพวกเครื่องประดับ มาขายทางออนไลน์

ในช่วงสัปดาห์แรกๆ มีคนสนใจและเข้ามาคุยมาถามเยอะมาก จนเที่ยงคืนตีหนึ่งยังทักถามเธออยู่ แต่ส่วนใหญ่ จะเป็นการทักเข้ามาเพื่อ “ถาม” อย่างเดียว เสียมากกว่า ทั้งถามราคา ไซซ์ สี ซึ่งบางทีเธอเข้านอนแล้ว แต่ลูกค้ายังไลน์มาถามอยู่ จึงไม่ได้ตอบข้อความกลับ ถึงขนาดที่ว่ารัวสติ๊กเกอร์หาเลยก็มี ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาตอบ

ซึ่งเธอบอกว่า เธอเองก็เข้าใจ เพราะตัวเองเคยเป็นลูกค้า ก็เคยทำแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งการจะซื้อของอะไรสักอย่าง ผู้ซื้อก็อยากได้ความมั่นใจในสินค้านั้นๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่ถามเข้ามาเยอะๆ จะไม่ค่อยซื้อสินค้า สุดท้ายพอตอบไป ลูกค้าก็ไม่มีการตอบกลับ โดยเป็นแบบนี้มา 2 เดือนกว่าแล้ว ซึ่งในทางกลับกัน คนที่ซื้อจะไม่ค่อยถาม ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เธอเป็นอย่างมาก

เธอยังเปิดเผยอีกว่า ยอดเดือนล่าสุดที่ผ่านมา 1 เดือน เธอขายได้กำไรแค่ 200 บาทเท่านั้น จึงทำให้เธอรู้สึกว่า อาชีพแม่ค้า เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนสูงและเหนื่อยมาก แม้ไม่เหนื่อยแรง แต่เหนื่อยกับการจัดการกับความต้องการของลูกค้าที่จะมาซื้อเป็นอย่างมาก

เธอจึงอยากรู้ว่า มีใครเคยขายของออนไลน์แบบนี้ และสุดท้ายเลิกขายไปแล้วบ้าง ส่วนตัวเธอเองไม่ได้อยากเลิกขายแต่อย่างใด เพียงแค่อยากได้กำลังใจ และคำแนะนำจากคนที่ขายของออนไลน์อยู่เหมือนกัน ว่ามีวิธีจัดการกับความรู้สึก และเริ่มต้นในการขายของและกำไรน้อยนิดนี้อย่างไร

หลังจากที่โพสต์ไป ก็มีสมาชิกท่านอื่นๆ เข้ามาแนะนำและให้กำลังใจเธอเป็นจำนวนมาก โดยความเห็นที่ 2 ในนาม MR.Bigsu ได้แสดงความเห็นที่น่าสนใจไว้ว่า

ต้องแยกประเด็น เป็น 2 ส่วน คือ

  1. การตอบคำถามลูกค้า
  2. ยอดขายน้อย ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ประเด็นที่ 1. การตอบคำถามลูกค้า

ปัญหาของเจ้าของกระทู้ เรื่องการตอบคำถามลูกค้าที่เข้ามามาก ทำให้บางครั้ง อาจไม่สะดวกในการตอบกลับอย่างทั่วถึง เขาจึงอาจให้คำแนะนำเจ้าของกระทู้ ในการแจ้งรายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วนมากที่สุด ราคาเท่าไหร่ ส่วนลดเท่าไหร่ รายละเอียดสินค้ามีอะไรบ้าง จัดส่งแบบไหน โอนเงินและแจ้งโอนอย่างไร ส่งวันไหน ถึงวันไหน เป็นต้น แต่ถ้าขายในเฟซบุ๊ก บางทีอาจจะลงข้อมูลได้ไม่มาก แต่ถ้ามีเว็บไซต์ และมีระบบตะกร้าของตัวเองจะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว

แต่วิธีนี้ก็แก้ไขได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคุณ MR.Bigsu กล่าวว่า จากประสบการณ์ของเขา แม้จะลงข้อมูลไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ลูกค้าก็มักจะมีคำถามเข้ามาถามอยู่ตลอด แม้กระทั่งราคาทีี่โพสต์ไว้บรรทัดแรกของโพสต์ ก็ยังมีคอมเม้นต์ถามเข้ามาว่า “ราคาเท่าไหร่” อีกอยู่ดี ซึ่งตรงนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจเท่าใดนัก สรุปคือหากทางใดที่แม่ค้าพ่อค้าสามารถทำและลดปริมาณของปัญหาลงได้ ก็ควรทำเสียดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ส่วนเรื่องการแชตมาถามดึกๆ เขาแนะนำว่า ให้ลองตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกตอบกลับก็ได้ เป็นการถือว่า แม่ค้าหรือพ่อค้าไม่ได้เงียบหายไปเสียทีเดียว มีข้อความทักกลับไปบ้าง แม้จะเป็นข้อความอัตโนมัติ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า ร้าน “ไม่ร้าง” และให้รีบตอบกลับทันทีในตอนเช้า ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยไป เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าลูกค้าอยากได้จริงๆ คงไม่เงียบหายไป แต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยนี้ ล้วนแต่มีความ “เร็ว” ทั้งสิ้น เช่น วูบวาบ อยากเร็ว เบื่อเร็ว ลืมเร็ว เป็นต้น

ประเด็นที่ 2. ยอดขายน้อย ไม่เป็นที่น่าพอใจ

คุณ MR.Bigsu วิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากข้อ 1 แต่เชื่อว่าไม่ใช่ส่วนใหญ่ของปัญหานี้ การขายออนไลน์ในยุคนี้ คุณ MR.Bigsu ให้ความเห็นว่า “ไม่รุ่งเรือง” เท่าใดนัก ใครที่บอกว่าขายของออนไลน์นั้น ง่าย ขายคล่อง ทุนต่ำ กำไรงาม คนที่พูดแบบนี้ เขาเชื่อว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยขายของออนไลน์มาก่อน

ส่วนตัวเขาเชื่อว่า ปัญหาของยอดขาย มีสาเหตุมาจากหลายๆ ปัจจัย แต่มีปัจจัยหนึ่งที่เขาเองก็คิดไม่ตก  คือ พฤติกรรมผู้บริโภคสมัยนี้ ที่เปลี่ยนแปลงไปมาก บางครั้งก็ดูแปลกๆ จนเอาใจไม่ถูก แค่ปัญหาคลาสสิก ก็ตีโจทย์ไม่แตกแล้ว ว่าทำไม แจ้งราคาไปแล้ว ยังมาถามซ้ำๆ อีกว่าราคาเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่แค่ร้านตัวของเขาเอง หรือของเจ้าของกระทู้ที่เป็นแบบนี้ แต่โพสต์อื่นๆ ที่คุณ MR.Bigsu ไปเห็นมา ก็เยอะแยะมากมาย มีคนกล่าวไว้ว่า คนไทยอ่านน้อย นี่ไม่เป็นความจริงเลย ผมคิดว่าไม่อ่านมากกว่า ดูแต่รูปอย่างเดียว ครั้นพออ่านกันสักหน่อย ก็มักจะตีความเข้าข้าง หรือสนับสนุนความคิดและความต้องการของตัวเองไปเสียนี่

โดยความเห็นของคุณ MR.Bigsu มีคนเห็นด้วยหลายคนและกลายเป็นท็อปคอมเมนต์ของกระทู้ไปในที่สุด